จับสัญญาณทางการเมือภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรากฎหมายนิรโทษกรรมเมื่อวันวานซืน “พรรคก้าวไกล” นำโดย “นายชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เริ่มลดเพดานไม่ดันทุรังนิรโทษกรรมล้างผิดคดี 112 ใช่หรือไม่ จับอาการได้จากคำพูดที่ว่า ความเห็นเรื่องทุจริตคงไม่เห็นต่างกัน แต่เรื่องมาตรา 112 อาจเห็นต่างบ้าง จึงเป็นวาระที่ให้นำเสนอเป้าหมายก่อน ว่าเป็นอย่างไร จึงค่อยมาถกกันว่าการออกแบบนี้จะตอบโจทย์หรือไม่ หากรวมมาตรา 112 ไปแล้ว อาจเป็นอุปสรรคว่าทำนิรโทษกรรมไม่ได้เลย แต่ถ้าไม่รวม อาจไม่ตอบโจทย์การหยุดความขัดแย้งในปัจจุบัน และแนวโน้ม กรรมาธิการฯ อาจไม่สรุปแค่ตัวเลือกเดียว อาจทำตัวเลือกหลายแนวทางเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย พรรคก้าวไกล ต้องพิจารณากว้างกว่านั้น ไม่เหมือนในต่างประเทศที่เหตุการณ์จบไปแล้ว แต่ตอนนี้ความขัดแย้งยังดำเนินอยู่ ซึ่งในบางกรณีที่เห็นต่างกัน อาจวางเงื่อนไขก่อน เพื่อทำความเข้าใจ และนำไปสู่การนิรโทษกรรม
นอกจากนี้ “นายชัยธวัช” ยังกล่าวว่า วันนี้วาระหลักคือให้พูดถึงเป้าหมายในการนิรโทษกรรม ที่เราวางแผนพิจารณาคืออะไร ทำไปเพื่ออะไร จึงให้คณะกรรมาธิการทุกคนได้นำเสนอข้อเสนอของตัวเอง ว่าการนิรโทษกรรมครั้งนี้จะต่างจากการศึกษาเรื่องความปรองดองเกือบทุกชุด ยกเว้นชุดในสมัยรัฐบาลที่แล้ว
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้การศึกษาข้อเสนอนิรโทษกรรมนั้น สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ไม่เหมือนช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา จึงได้เสนอว่า ครั้งนี้จะต้องไม่พิจารณาแค่นิรโทษกรรมอย่างเดียว แต่ให้มองภาพรวมการสร้างความสมานฉันท์ในการเมืองด้วย โดยมีนิรโทษกรรมทางการเมืองเป็นหนึ่งในนั้น และในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองยังไม่ยุติ เป้าหมายควรเพื่อที่จะหยุดการขยายความขัดแย้ง เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ หรือความรุนแรงที่มากขึ้นในอนาคต และหาข้อตกลงที่ยอมรับร่วมกันได้
ทั้งนี้ “นายชัยธวัช” กล่าวอีกว่า ขณะที่การพิจารณาเรื่องความสมานฉันท์ ไม่ได้มีนิรโทษกรรมคดี 112 เพียงอย่างเดียว กระบวนการทำให้คู่ขัดแย้งทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ลดความหวาดระแวง สร้างการมีส่วนร่วม อาจเป็นเงื่อนไขที่ต้องทำให้เกิดขึ้นก่อนจะทำนิรโทษกรรมก็ได้ ย้ำว่า ต้องมีทุกเรื่อง และเป็นหลักคิดสำคัญที่ตนเองนำเสนอไว้
ฟังแบบนี้ บรรดาสาวกขบวนการ 3 นิ้วที่กำลังติดคุกหัวโตอยู่ในขณะนี้อาจหัวเสีย เพราะดูเหมือน “พรรคก้าวไกล” กำลังไม่กล้าดันทะลุเพดานนิรโทษกรรมล้างผิดคดี 112 จากเดิมเคยบ้าบิ่น เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ “พรรคก้าวไกล” ไม่กล้าชักธงรบแตะมาตรา 112 คงเป็นผลพวงจาก คำสั่งประหารของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” เมื่อวันที่ 31 ม.ค. มีมติเอกฉันท์ 9 เสียงวินิฉัยให้กระทำของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล กรณีเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ..เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการดำเนินการที่เซาะกร่อนบ่อนทำลายและล้มล้างการปกครอง ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรค1 ดับฝัน นโยบายเรือธงของ พรรคก้าวไกลที่หมกมุ่นแตะมาตรา 112 บันไดขั้นแรกไปสู่การล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ไปโดยปริยาย
ตรงข้ามกับ “ศาสดา3นิ้ว” นั้นคือ “นายปิยบุตร แสงกนกกุล” ยังไม่ยอมถอยเรื่องมาตรา 112 แม้แต่ก้าวเดียว และ เคยกล่าวไว้ว่า ถ้าผมยังอยู่ในพรรคก้าวไกล ผมจะพยายามแก้ มาตรา112 ต่อแน่นอน โดยแก้ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญบอก เพราะจุดยืนของพรรคเห็นว่าเรื่องนี้มีปัญหา เราเห็นว่ามันเป็นประโยชน์ต่อประชาชน การเมือง และสถาบันฯ เราพยายามบอกว่า มาตรา 112 มีปัญหา จะปรับปรุงให้เป็นสากลขึ้นได้หรือไม่ หรือแม้แต่ช่วงที่ “พิธา” เกือบจะได้เป็น “นายกรัฐมนตรี” ถ้า”พรรคก้าวไกล” ยอมลดเพดานประกาศเลิกแตะมาตรา 112 ตามที่ “นายชาดา ไทยเศรษฐ์” แกนนำพรรคภูมิใจไทย , “นายวิทยา แก้วภราดัย” แกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือแม้แต่ ฝั่ง “ส.ว.” “นายสมชาย แสวงการ” สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) อภิปรายเรื่องการแก้มาตรา 112 เป็นเหตุผลไม่โหวต “นายพิธา” เป็นนายกรัฐมนตรี สกัดการจัดตั้งรัฐบาลแดงส้มกลางอากาศ สวนทางกลับ “ผู้นำจิตวิญญาณส้ม” ออกมายุทันทีว่า อย่าไปถอย การโหวตนายกรัฐมนตรีเป็นคนละเรื่องกับการแก้มาตรา 112 นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่า วันนี้ประเทศไทยปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่การประชุมรัฐสภา 13 ก.ค. เพื่อโหวตนายกฯ กังวลใจ ว่า สมาชิกรัฐสภานำวิธีคิดระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาอภิปรายอ้างเหตุผล และทำให้สังคมเข้าใจผิด ขออย่ามาอภิปรายชักแม่น้ำทั้ง 5 แต่ละสายออกมาเพื่อชี้นำประชาชนให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครอง แบบนี้ไม่ถูกต้อง และ เชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีแรงต้านทานที่สูงพอ และรู้ดีว่าจะต้องโดนข้อหาเหล่านี้ไปตลอด แต่ก็ยืนยันว่าไม่ใช่ เขาต้องการดำรงสถาบันให้สอดคล้องกับยุคสมัย แต่มาอภิปรายสถาบันตอนเลือกนายกรัฐมนตรีทำไม
ดังนั้นจากนี้ไป “พรรคก้าวไกล” เหมือนอยู่บนทางสองแพร่ง ระหว่าง จะไปให้สุดลิ่มทิ่มประตูสนองตัณหา “ศาสดา3นิ้ว” เอาใจกองเชียร์ด้อมส้มสายฮาร์ดคอร์ที่อยู่ในขบวนการล้มล้างการปกครองถ้าทำเช่นนั้นก็คงต้องพังกันไปข้าง หรือ จะยอมลดเพดานลงเพื่อสร้างความสมานฉันท์กลับคืนสู่สังคมไทยโจทย์ใหญ่ที่พรรคก้าวไกลต้องคิดหนักว่า ยังจะดึงดันนโยบายเรือธงแตะมาตรา 112 ต่อไปอีกหรือไม่
#ก้าวไกล #ชัยธวัช ตุลาธร #ปิยบุตร แสงกนกกุล #นิรโทษกรรม112