logo

“ทนายธีรยุทธ” ยื่นหลักฐานป.ป.ช.สอบเอาผิด “พิธา” สส.ก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

"ทนายธีรยุทธ" ยื่นหลักฐานป.ป.ช.สอบเอาผิด "พิธา" สส.ก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

ทนายธีรยุทธ” ยื่นหลักฐานป.ป.ช.สอบเอาผิด “พิธา” สส.ก้าวไกล เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง

วันที่ 23 ก.พ. 67 นายธีรยุทธ สุววรรณเกษร ในฐานะผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและพรรคก้าวไกล กระทำการล้มล้างการปกครอง โดยนำสำเนาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 คดีล้มล้างการปกครอง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ฉบับเต็มที่รับรองโดยสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ มายื่นแก่ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อใช้ประกอบคำร้องที่ได้ยื่นเมื่อวันที่ 2 ก.พ.67 ที่ขอให้ตรวจสอบและเอาผิดจริยธรรมของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และ 44 สส.พรรคก้าวไกลที่ร่วมลงชื่อสนับสนุนเสนอร่าง กฎหมายดังกล่าว นายธีรยุทธ ระบุว่าตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การเสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มีลักษณะเจตนาซ่อนเร้นที่จะทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง และในการยื่นสำเนาดังกล่าวก็ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ ก็ได้รับแจ้งว่า ประธาน ป.ป.ช. เมตตาจะรับเรื่อง และจะเร่งรีบในการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยจัดตั้งเป็นคณะทำงานหรือคณะไต่สวนต่อไปในเร็วๆ นี้

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“ได้รับทราบว่าประธาน ป.ป.ช. รับทราบเรื่องแล้ว มีความเอาใจใส่ และได้สั่งการเบื้องต้น ว่าต้องเร่งรีบในการรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานอีกช่วงหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลา คาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่นาน”

ส่วนการดำเนินการกับ 44 สส. ที่ร่วมลงชื่อและขับเคลื่อนผลักดันการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวอย่างไรนั้น นายธีรยุทธ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานและข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเบื้องต้น จะเตรียมการในเรื่องคำชี้แจงของนายพิธาและนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ได้ทำคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยจะขออนุญาตศาลคัดถ่ายคำให้การในชั้นไต่สวนพยานเปิดเผย ก่อนที่ศาลจะมีคำวินิจฉัย เพื่อที่จะยื่นต่อ กกต. และ ป.ป.ช. หากทั้ง 2 หน่วยจะมีคำสั่งเรียกนายพิธาและนายชัยธวัช เข้าชี้แจงข้อเท็จจริง เพราะทั้ง 2 หน่วยงานสามารถใช้คำชี้แจง หรือคำให้การที่เคยให้การไว้ต่อศาลรัฐธรรมนูญมาประกอบการพิจารณาไต่สวน

 

นายธีรยุทธ ยังกล่าวด้วยว่านอกจากการติดตามเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 แล้ว ขณะนี้ยังติดตามความพยายามในการผลักดันความผิดตามมาตรา 112 ให้ไปอยู่ในกฏหมายนิรโทษกรรม เนื่องจากส่วนตัวเห็นว่า ความผิดตามมาตรา 112 ไม่ใช่ความผิดในทำนองทางการเมือง แต่เป็นความผิดเกี่ยวกับการล้มล้างการปกครอง ซึ่งอยู่คนละหมวดกัน เมื่อศาลวินิจฉัยว่าการกระทำลักษณะ 112 ภายนอกสภา มีผู้รับทอดเข้ามาสู่สภา โดยผ่านกระบวนการซ่อนเร้น ใช้การเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าสู่สภา ซึ่งการรณรงค์มาตรา 112 การตั้งม็อบ การตั้งขบวนต่างๆที่เกิดขึ้น เมื่อเจตนาต้องการทำลายการปกครองก็เท่ากับว่า มีเจตนาที่ไม่ดี มีเจตนาที่จะไม่ให้การเมืองมีอยู่ การที่จะกล่าวอ้างว่าเป็นข้อขัดแย้งทางการเมือง มองว่าไม่ใช่ เมื่อคุณทำลายการปกครอง ไม่ให้การเมืองมีอยู่ ข้อขัดแย้งก็จะไม่มีอยู่ตามมาด้วย แต่คณะนิติบัญญัติที่กำลังพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ในชั้นกรรมาธิการกำลังมองว่า การปกครองยังมีอยู่ ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจกันในทางการเมืองก็เลยยังมีอยู่ หากประสงค์ที่จะล้างความขัดแย้ง ปลดปล่อยความวิตกกังวลต่างๆ เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข ซึ่งต่างกับคณะรณรงค์ 112 ตนจึงเห็นว่าหากได้มีการบรรจุความผิดมาตรา 112 เข้าสู่กฎหมายนิรโทษกรรม ตนจะตามไปดำเนินการบางอย่าง แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าจะดำเนินการอะไร

 

 

เมื่อถามว่า มองว่าการแก้มาตรา 112 โดยชอบ ตามที่ศาลวินิจฉัยไว้ควรจะเป็นอย่างไร นายธีรยุทธ กล่าวว่ายังเชื่ออย่างที่ศาลวินิจฉัยไปแล้ว ซึ่งไม่ได้ปิดประตูการแก้กฎหมาย แม้กระทั่งการแก้มาตรา 112 เพียงลักษณะที่พรรคก้าวไกลได้เสนอและดำเนินการมีการประชาสัมพันธ์ไปยังสื่อสารมวลชน และใช้เป็นนโยบายหาเสียงมาตลอด ซึ่งพฤติการณ์ตรงนั้นกระทำไม่ได้ เช่น การย้ายหมวดไม่ได้ เพราะลักษณะที่พรรคก้าวไกลได้เสนอไว้ คือถอดออกจากความมั่นคงแห่งรัฐ ออกมาอยู่ในอีกหมวดหนึ่ง ซึ่งเขาตั้งเป็นอีกหมวดหนึ่งนั้นทำไม่ได้ ซึ่งศาลวินิจฉัยว่าเป็นเจตนาซ่อนเร้นที่จะจำแนกพระมหากษัตริย์ออกจากรัฐ เพราะศาลเคยวางบรรทัดฐานเอาไว้แล้วว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับชาติ เป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรและประชาชนของชาติ เป็นรากฐานของสิ่งต่างๆของการเมืองการปกครอง และความเป็นอยู่ ประเพณีต่างๆ ศาลจึงได้วินิจฉัยเอาไว้เบื้องต้น โดยใช้คำว่ามีโบราณราชประเพณี และนิติประเพณีสืบต่อกันมา ดังนั้นความชอบที่หากจะแก้มาตรา 112 ก็คงจะต้องทำในทิศทางตรงกันข้ามที่ศาลวินิจฉัยเอาไว้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ครม.นัดพิเศษ แต่งตั้ง "หมอมิ้ง นพ.พรหมินทร์" นั่งเลขาธิการนายกฯ
ตามรวบ "สาวแสบมิจฉาชีพออนไลน์" ส่งลิ้งลวงเหยื่อ ขอคืนเงินค่า FT ก่อนดูดเงินเกลี้ยงบัญชี เสียหายเกือบ 2 ล้านบาท
ททท.จัดต่อเนื่อง "Amazing Muay Thai Experiences" ตอกย้ำเสริมเสน่ห์ไทยด้วยกีฬา "มวยไทย" ชวนนักท่องเที่ยวเดินทางสัมผัสประสบการณ์ถึงถิ่นกำเนิดมวยดี 4 สาย
จนท.บุกตรวจ "แรงงานต่างด้าว" 149 คน แอบเช่าบ้าน 2 หลังในชุมชนขอนแก่น เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง
"วรชัย" วอน "เสรีพิศุทธ์" อย่าตั้งเป้าโจมตี ขอโอกาสรัฐบาลทำงาน ให้เวลาพิสูจน์แก้ปัญหาปชช.
“อ.ธรณ์” ห่วง “ฮาลองเบย์” สถานที่สวยงาม ถูกพายุไต้ฝุ่น "ยางิ" พัดถล่ม หวังให้ทุกคนที่นั่นปลอดภัย
ไร้ปาฏิหาริย์ พบแล้ว "นทท.เบลเยี่ยม" หลังหายตัวลึกลับ ทีมค้นหาพบร่าง บริเวณท้ายฝาย "น้ำตกแม่เย็น"
"พิพัฒน์" เดินหน้า 1 ต.ค. ปรับค่าแรง 400 พร้อม 7 มาตรการ ลดกระทบนายจ้าง-ลูกจ้าง ถกพณ.คุมสินค้าแพง
เลขาธิการ สทนช. ลงพื้นที่ตราดรับฟังสถานการณ์บริหารจัดการน้ำรับมือน้ำท่วมหลังพายุไต้ฝุ่นนางิ และ ฝนตกหนักกลางเดือนกันยายน หวั่นท่วมรอบ 2
น่าห่วง "แม่น้ำยม" สายหลักพิษณุโลก เพิ่มระดับสูงขึ้นต่อเนื่อง ไหลท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำทุกหมู่บ้านแล้ว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น