จากนั้นนายสมหมายได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในเหตุการณ์วันที่มีการขัดขวางขบวนเสด็จว่า ในวันนั้นสายน้ำและแฟรงค์จะเดินทางไปร่วมงานศพของแนวร่วมทะลุฟ้ารายหนึ่งที่เสียชีวิต ซึ่งปกติทั้งคู่จะใช้รถกระบะในการโดยสาร แต่วันนั้นปรากฏว่ารถเสีย จึงต้องไปหยิบยืมรถของคนอื่นมาใช้ ดังนั้นรถในวันเกิดเหตุ จึงไม่ใช่รถของตะวันและแฟรงค์ ซึ่งหลังจากร่วมงานศพเสร็จแล้ว ทั้งคู่จะเดินทางไปทำธุระส่วนตัวต่อ จึงปรากฏเห็นว่า ทั้งคู่ได้ขับรถไปที่ทางด่วนด่านพหลโยธินที่เกิดเหตุ
โดยนายสมหมายได้ตั้งข้อสังเกตว่า ในวันนั้นทั้งคู่เพียงแค่ขับรถที่จะลงทางด่วน แต่ดันไปเจอกับรถปิดท้ายขบวนเสด็จ จึงเกิดการปะทะคารมกับตำรวจตรงนั้น แต่ขอให้สังเกตดูว่า โดยปกติแล้ว ขบวนเสด็จพระราชดำเนินของพระราชวงศ์ แทบจะไม่มีใครทราบหรือรู้ว่า พระองค์จะเสด็จไปทางไหน เวลาไหน และมีโอกาสที่ผู้สัญจรผ่านไปมาทั่วไปจะพบเจอขบวนเสด็จได้ ในวันนั้นตะวันแล้วแฟรงค์เพียงแค่จะลงทางด่วนทางเดียวกันเพื่อไปธุระส่วนตัว จึงเป็นไปได้ยังไงที่ทั้งคู่จะมีเจตนาที่จะยุยง ปลุกปั่น ไปขัดขวางขบวนเสด็จ เพราะทั้งคู่ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมีขบวนเสด็จผ่านมา
อีกประการหนึ่งที่ตนตั้งข้อสงสัยคือ โดยปกติแล้วขบวนเสด็จพระราชดำเนินจะใช้ความเร็วอยู่ที่ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยจากในคลิปจะเห็นว่า ทั้งคู่ใช้เวลา 31 วินาที ซึ่งตอนนั้นขบวนน่าจะขับไปไกลมากแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่ตะวันและแฟรงค์จะใช้ความเร็วเพื่อที่จะแซงหรือขัดขวางขบวนเสด็จ จึงทำได้เพียงแค่บีบแตรแสดงความไม่พอใจให้กับตำรวจแค่นั้น
และยังตั้งประเด็นอีกว่า จากที่มีกลุ่มไอโอพยายามจะบิดเบือนข้อเท็จจริงอ้างว่า ทั้งคู่พยายามที่จะจอดเบียดแซงขบวนเสด็จนั้น ตนมองว่า ถ้าทำถึงขนาดนั้นจริง ป่านนี้ทั้งคู่น่าจะถูกยิงไปแล้วหรือไม่ก็ถูกจับกุมตั้งแต่วันนั้นแล้ว เพราะมิเช่นนั้นทางตำรวจก็จะถูกตั้งข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157
หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น นายสมหมายกล่าวว่า ได้มีการต่อว่าสั่งสอนตักเตืนตะวันไปแล้วว่าอย่าทำแบบนี้อีก แต่ตนก็ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์จะร้ายแรงจนถึงขนาดนี้ ซึ่งยอมรับว่า ตะวันอาจจะใช้ถ้อยคำน้ำเสียงหรือแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่ฝากไปถึงสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ให้ลองคัดเสียงเอาแค่คำถามของทั้งคู่มานำเสนอหรือมาเขียนเป็นตัวหนังสือ ก็จะเห็นว่า คำถามของทั้งคู่นั้น เข้าข่ายพฤติการณ์ปลุกปั่น ยั่วยุให้เกิดความแตกแยกตามมาตรา 116 หรือไม่
นายสมหมายยังกล่าวอีกว่า กรณีนี้ถูกกลุ่มไอโอ หรือพวกต้องการผลประโยชน์ทางการเมืองบางกลุ่ม นำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง กลายเป็นว่าทำให้ทั้งสองคนนี้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งนายสมหมายยังหวังว่า ศาลอาญาจะมีเมตตาให้ทั้งสองคนได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ออกมารับการรักษาและต่อสู้คดีตามสิทธิ์ของเขา หากเขาทั้งคู่ผิดก็ว่ากันไปตามผิด แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่มีการต่อสู้คดีใด ๆ เลย กลายเป็นว่าสังคมตัดสินไปแล้วว่าเขาทั้งคู่มีความผิด
ก่อนที่นายสมหมายจะย้ำทิ้งท้ายว่า หากตะวันได้รับการปล่อยตัวออกมาได้ ตนจะไม่ให้เขายุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกต่อไป จะให้เขากลับไปใช้ชีวิตที่เหมาะสมตามวัยของเขาและเรียนหนังสือให้จบ ตนจะบังคับไม่ให้ตะวันยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกต่อไป
ด้านสายน้ำระบุว่า การยื่นขอประกันครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 โดยครั้งแรกเป็นการยื่นในวันที่มีการขอฝากขัง ส่วนครั้งที่ 2 พ่อของทานตะวันเป็นผู้ยื่นขอประกัน โดยขอย้ำอีกครั้งว่า คดีนี้ยังคงอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งยังไม่ถูกส่งไปที่ชั้นพนักงานอัยการ ซึ่งใกล้จะครบผัดแรกแล้วคือ 12 วัน และต้องมาลุ้นกันว่าพนักงานสอบสวนจะมีการยื่นฝากขังในผัดที่ 2 หรือไม่
ขณะเดียวกัน ทั้ง 2 มีอาการเจ็บป่วยอย่างมาก พร้อมยกตัวอย่างกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับการพักโทษเนื่องจากอาการเจ็บป่วย ซึ่งตนมองว่า สภาพของเพื่อนทัสองมีอาการที่หนักกว่านายทักษิณอย่างมาก
สำหรับเรื่องการออกหมายจับของเพื่อนทั้ง 2 คน เบื้องต้นคดีนี้มีการออกหมายเรียกถึง 2 ครั้ง ซึ่งเป็นหมายเรียกของศาลแขวงพระนครเหนือ และเป็นคดี คดีลหุโทษในความผิดทางจราจรทั้ง 2 ครั้ง โดยหลังจากนั้น ได้ไปขอออกหมายจับของทั้งคู่ที่ศาลแขวงดุสิต ก่อนที่จะเพิ่มข้อกล่าวหาในคดี มาตรา 116 และมาขอหมายจับที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก
ทั้งนี้ ศาลแขวงดุสิตได้เคยลงความเห็นไว้ว่า การออกหมายเรียกทั้ง 2 ครั้ง กระชัดชิดเกินไป และโดยปกติแล้วในคดีลหุโทษหรือคดีทั่วไป ก็สามารถทำเรื่องของเลื่อนได้ อีกทั้งคู่จะมีพฤติการณ์หลบหนีก็ไม่ใช่ เพราะทั้งคู่ไม่เคยหลบหนีมาก่อน ทั้งคู่ก็มาปรากฏตัวที่ศาลเป็นประจำและทุกครั้งที่ได้หมายเรียกก็มาตามหมายเรียกตลอด ส่วนการจะไปยุ่งกับพยานหลักฐาน คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นเพียงเด็กแค่ 2 คน จะไปยุ่งกับพยานหลักฐานได้อย่างไร จึงมองว่า ไม่มีเหตุสมควรที่พนักงานสอบสวนจะขอออกหมายจับตั้งแต่แรก
สายน้ำยังกล่าวทิ้งท้ายว่า สิทธิที่ผู้ต้องหาควรได้รับคือ สิทธิของการประกันตัว เพราะตอนนี้ตะวันและแฟรงค์ยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะตัดสิน พร้อมฝากทุกคนว่า เพื่อนของตนทั้ง 2 คนใกล้จะตายแล้ว เนื่องจากอดน้ำและอาหารมาอย่างยาวนาน และขอให้ศาลคืนสิทธิการประกันตัวให้กับเพื่อนเรา
ทั้งนี้ ตะวัน พร้อมด้วยนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ แนวร่วมนักกิจกรรมทางการเมือง ถูกแจ้งดำเนินคดีข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และอีกหลายข้อหา จากกรณีขัดขวางขบวนเสด็จพระราชดำเนินในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี