ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลากลางหมู่บ้าน บ้านแซวประดู่ หมู่ 8 ต.ลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ นายคาเคลื่อน พณะชัย นายอำเภอกระสัง พร้อมปลัดอำเภอและเจ้าหน้าที่ เข้าไปประชุมเพื่อประเมินผู้ใหญ่บ้าน หลังจากก่อนหน้านี้ผู้ใหญ่บ้านถูกร้องเรียนเรื่องไม่ให้หญิงผ่าตัดเข้ากักตัวที่บ้านของตัวเอง โดยให้เหตุผลว่าทุกคนไม่ว่าจะเป็นอะไรมาก็ตาม จะต้องเข้ากักตัวที่สถานกักกันเท่านั้น มีชาวบ้านเข้าร่วมประเมินประมาณ 100 คน การประเมินเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เมื่อนายอำเภอกระสัง ได้ให้ชาวบ้านออกมาแสดงความคิดเห็น
จากนั้นได้มีชาวบ้านเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ได้ลุกขึ้นอภิปราย กล่าวโจมตีการทำงานของผู้ใหญ่บ้าน ว่ามีพฤติกรรมไม่โปร่งใส่ ทั้งเงินค่าน้ำประปาที่เก็บไป โดยผู้ใหญ่ไม่ชี้แจง หรือเอาหลักฐานมาแสดงให้ชาวบ้านได้รับทราบ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิพระราชทาน ที่ได้มอบให้ชาวบ้านมาเป็นทุน แต่ข้าวทั้งหมดกว่า 350 กระสอบ ได้หายไปไร้ร่องรอย โดยไม่มีการชี้แจงของผู้ใหญ่บ้าน ทำให้การประเมินต้องยุติลงในทันที ผู้ใหญ่บ้านไม่สามารถตอบได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสอบถาม นายทุน สมบูรณ์ อายุ 69 ปี บ้านเลขที่ 40 ม.8 ต.ลำดวน อ.กระสัง อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 เล่าว่า เมื่อปี 2546 ครั้งนั้นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (สมเด็จพระพันปีหลวง ในปัจจุบัน) ได้พระราชดำเนินมาตรวจเยี่ยมประชาชน แล้วมอบข้าวพระราชทาน ให้มาเป็นธนาคารข้าว ไว้สำหรับบรรเทาทุกข์ให้กับชาวบ้าน ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านไม่มีใครอดอยาก เพราะสามารถมายืมข้าวไปกินก่อนได้ แล้วเอามาคืนหลังเก็บเกี่ยว ทำรุ่นต่อรุนมาโดยตลอด พอตนได้มาเป็นผู้ใหญ่บ้านได้สานโครงการต่อ พอหลังจากตนพ้นหน้าที่ผู้ใหญ่บ้านเพราะเกษียณอายุ ได้ส่งมอบให้ผุ้ใหญ่คนปัจจุบัน แต่ข้าวทั้งหมดได้หายไปโดยชาวบ้านไม่รู้ว่าหายไปไหน แล้วใครเป็นคนเอาไป สอบถามผู้ใหญ่บ้านก็ไม่มีคำตอบ ทำหนังสือถึงนายอำเภอ ก็เงียบหาย ชาวบ้านได้แต่ปลง
ด้าน นายสมปอง สุขจิตธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านแซวประดู่ ได้ออกมากล่า ด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ว่า ตนเข้ามารับตำแหน่งเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เห็นธนาคารข้าว มีข้าวประมาณ 300 – 400 กระสอบ ตนก็ดำเนินการกิจกรรมต่อ แต่ในระยะหลังชาวบ้านไม่มายืมข้าวในธนาคาร เกรงข้าวจะเสีย จึงเอาไปขาย ได้เงินแล้วเอาไปฝากธนาคารไว้ เคยเบิกไปสำรองงานเทศมหาชาติ จำนวนเงิน 60,000 บาท จากนั้นพระเอาเงินไปบ้าง คนอื่นเอาไปบ้าง ผู้ใหญ่บ้านกล่าวด้วยความไม่มั่นใจ