“นายกฯ” ย้ำมาจังหวัดชายแดนภาคใต้เห็นโอกาสเยอะ บอกการใส่เงินลงไปไม่สำคัญเท่าใส่ใจ ชี้เป็นนายกฯ ที่มาค้างคืน 3 จว.ชายแดนใต้ในรอบ 10 ปี ลั่นรัฐบาลพร้อมเป็นตัวเชื่อมระหว่างประชาชนทุกพื้นที่ ปัดตอบยกเลิก “พรก.ฉุกเฉิน”จังหวัดชายแดนใต้ โยนฝ่ายความมั่นคงพิจารณา ยืนยันว่าจะไม่มีการล้มพูดคุยสันติสุขแน่นอน
ข่าวที่น่าสนใจ
28 ก.พ. 2567 ที่สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง จ.ยะลา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่จังหวัดปัตตานีและยะลา ว่า ได้เดินทางลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาได้ทำภารกิจไปเยอะ วัตถุประสงค์ในการมาชัดเจน เพื่อมาค้นพบสิ่งที่ซ่อนเร้นที่มีค่า หรือที่กำลังจะมี และดูเรื่องโอกาสศักยภาพที่จะสามารถไปต่อยอดได้ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ วัฒนธรรม ท้องถิ่น เน้นการสร้างโอกาส และความเสมอภาค เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หากย้อนหลังไปประมาณปีที่ผ่านมาเรื่องของความไม่สงบน้อยลงไปเยอะ คงควบคู่ไปกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีรัฐบาลนี้มายกเลิกใบตม.6
นักท่องเที่ยวมาเลเซียเข้ามาท่องเที่ยว จากสัปดาห์ละประมาณ 10,000 คน กลายเป็น 30,000 กว่าคน ฉะนั้นเรื่องการท่องเที่ยว การจับจ่ายใช้สอยดีขึ้นเยอะมาก ตนจึงนำตรงนี้เป็นไอเดียว่าเป็นโอกาสหรือเปล่า หากเรามาสร้างเศรษฐกิจให้ดีขึ้น โดยนำสิ่งที่ซ่อนอยู่ดีๆ เอาขึ้นมาให้ชาวโลกรู้ส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว รวมถึงสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อให้คนพื้นเมืองมีรายได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ลืมเรื่องการทะเลาะเบาะแว้ง หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นในการที่จะทำอะไรดีๆต่อไป
นายเศรษฐา กล่าวว่า ในส่วนของมัสยิดกรือเซะ ขอยอมรับว่าเป็นการเข้ามัสยิดครั้งแรก ประทับใจในรอยยิ้มไมตรีจิตที่พี่น้องให้การต้อนรับอย่างดี เห็นสันติภาพและสันติสุขในแววตาของพี่น้องทุกคนที่มา มีโบราณวัตถุที่หายาก เข้าไปในพิพิธภัณฑ์เล็กๆแต่ก็เห็นของดีๆ ส่วนเรื่องผลิตภัณฑ์ทองเหลืองที่เริ่มหายไปได้สั่งให้กระทรวงวัฒนธรรมฟื้นฟูเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับประชาชน นอกจากนี้เรื่องอาหารท้องถิ่นได้พูดคุยกับการท่องเที่ยวน่าจะนำขึ้นไปเสิร์ฟบนการบินไทยได้ เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมอาหารไทย
นอกจากนี้ตนได้ไปหมู่บ้านโบราณ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว การเชิดสิงโตประจำปี ตรงนี้อยากจะผลักดันนิทรรศการของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ให้เป็นคล้ายๆเทศกาลกินเจที่ภูเก็ตเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่วนมัสยิดกลางปัตตานีได้เห็นความสวยงามซึ่งสร้างมานานมากจะผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งได้มีการพบปะพูดคุยกับผู้นำศาสนาด้วย
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนอุทยานการเรียนรู้ยะลา (TK Park) สร้างตั้งแต่สมัย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโอกาสให้เข้าถึงการศึกษา เวลานี้ถูกย้ายมาที่ปัตตานี และมีเด็กเข้ามาทำกิจกรรมเยอะ ตนได้พูดคุยกับสตาร์ทอัพที่มีบางอย่างเป็นไอเดียดีๆแต่ยังขาดการต่อยอด ซึ่งความทะเยอทะยานเป็นสิ่งสำคัญ หากมีความทะเยอทะยานและมีตลาดเชื่อว่าแหล่งเงินทุนไม่เป็นปัญหา
จากการได้ฟังเพลงวงออเคสตร้า ซึ่งไพเราะมากและซึ้งใจที่มีการเล่นเพลง Can’t Help Falling in Love ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าหมายถึงใครไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ที่บอกว่าให้นายกฯ ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น และพอดีพระมหากษัตริย์บรูไนจะมาเยือนประเทศไทย ไม่แน่ใจว่าเดือนมีนาคมหรือเดือนเมษายน แต่ตนได้บอกน้องๆวงออเคสตร้าว่าจะให้มาเล่นที่ทำเนียบ รัฐบาลเพื่อโชว์และได้มาทัศนศึกษาที่ทำเนียบฯด้วย เพื่อจะได้มีความหวังและเป็นแรงบันดาลใจ
สำหรับผังเมืองยะลาวันนี้ทราบว่าเป็น เบอร์ 23 ของโลก อยากให้มีคนมาท่องเที่ยวเยอะมากขึ้น และน่าชื่นใจมีคนพื้นเมือง ไปเรียนต่อเมืองนอกและกลับมาทำงานที่ประเทศ ขณะเดียวกันอยากส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว อยากจะสร้างหอชมเมืองเพื่อได้มองลงมาและเห็นความสวยของผังเมือง ซึ่งนักเรียนบางคนไปเรียนที่มหาวิทยาลัยดีๆเมืองนอก บอกว่าผังเมืองยะลาถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นแบบอย่าง เวลาที่มีการสอนเกิดขึ้น
นอกจากนี้ยังได้มารับประทานปลานิลน้ำไหลกับปลาพวงชมพู ซึ่งปลานิลสายน้ำไหลปัจจุบันเลี้ยงเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย ทาง มาเลเซียเอาหมดหากตัวโต ๆ ทั้งนี้ ถ้าดีมานเยอะ ซึ่งเป็นเศรษฐศาสตร์พื้นฐาน ก็ต้องขึ้นราคา ตอนนี้พยายามให้เลี้ยงมากยิ่งขึ้นเพราะเป็นอาชีพที่ชัดเจน มีตลาดชัดเจน และสำหรับสวนดอกไม้ตรงนี้มีพืชพันธุ์หลากหลายเหมาะสำหรับเป็นแหล่งเช็คอินการท่องเที่ยว ส่งออกต่างประเทศ และหากทำเนียบรัฐบาลมีอีเว้นท์ ดอกไม้ตรงนี้จะสามารถไปทำอะไรได้บ้างก็จะดู
“จริงๆแล้วผมมาที่นี่มาดูเรื่องโอกาส ไม่อยากพูดถึงเรื่องปัญหา แต่เราเห็นโอกาสเยอะแล้ว จริงๆแล้วปัญหาส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในอดีตคือความห่างเหินระหว่างประชาชนข้าราชการ ซึ่งอาจจะมีความไม่เข้าใจกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ให้งบประมาณ เรื่องงบประมาณที่นี่เยอะ แม้จะมีการใส่งบประมาณไปแล้ว มีโครงการไปแล้ว แต่การใส่เงินลงไปไม่สำคัญเท่าการใส่ใจ การที่ผมลงมาที่นี่ด้วยตัวเองและมาค้าง 2 คืนถือเป็นนายกรัฐมนตรีในรอบ 10 ปี ที่ไม่ได้มาค้างที่นี่ถือเป็นการแสดงเจตจำนงชัดเจนว่าเราจะนำความเสมอภาคความเท่าเทียมและโอกาสมาสู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นี้ และผมอยากให้พี่น้อง สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความไว้วางใจรัฐบาลนี้ เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีต และจะเข้าเดือนรอมฎอนหรือพิธีถือศีลอด ซึ่งเป็นพิธีทาง ศาสนาอิสลาม มีการยกโทษให้กันและกัน เป็นเรื่องของการที่เราต้องเดินไปข้างหน้า
วันนี้รัฐบาลพร้อมที่จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างประชาชนกับประชาชนในทุกเขตทุกประเทศ เพื่อให้เราลืมความทุกข์ และวันนี้อยากขอให้เราโฟกัสในเรื่องของโอกาสจะดีกว่า เพราะตอนนี้กำลังเห็นโอกาสอีกเยอะ พรุ่งนี้ไปจังหวัดนราธิวาส ก็คงได้เห็นโอกาสอีกเยอะ“ นายเศรษฐากล่าว
เมื่อถามถึงการคมนาคมขนส่งในพื้นที่สามจังหวัดใช้แดนภาคใต้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม และปลัดกระทรวงก็ลงพื้นที่มาด้วยรวมถึงมีการพูดคุยถึงเรื่องถนน สนามบิน แต่ส่วนนึงก็ต้องเข้าใจในเชิงพาณิชย์ด้วย ถ้าจะให้เอกชนบินมาก็ต้องมีดีมานด์ด้วย ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้มาครีเอทดีมานด์ มาสร้างให้ทั่วโลกรู้ว่า สามจังหวัดใช้แดนภาคใต้เป็นจังหวัดที่น่าท่องเที่ยว และถ้ามีดีมานด์เข้ามาไม่ต้องห่วงเครื่องบินจะมาลงอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ายังมีปัญหาเรื่องของความมั่นคง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความเป็นจริงแล้วฝ่ายความมั่นคงทำงานมาได้ด้วยดีตลอดเวลา อย่างปีที่ผ่านมาปัญหาก็น้อยลงไปอย่างมาก ไม่มีใครอยากให้มีปัญหา วันนี้เราต้องพูดถึงโอกาสมากกว่า ถ้าเกิดเราลืมเรื่องความไม่มั่นคงหรือ การทะเลาะเบาะแว้ง แล้วมาพูดเรื่องของโอกาส เชื่อว่าทุกคนก็อยากมีโอกาส อยากมีเงินในกระเป๋า ถ้าเศรษฐกิจดี มีความเสมอภาคเท่าเทียม ได้รับการศึกษาที่ถูกต้อง ได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียมของทุกคนที่เป็นคนไทย ตนเชื่อว่าปัญหาต่างๆจะไม่เกิดขึ้น
นายกฯ กล่าวว่า ทั้งนี้เมื่อเรามีโอกาสประชาชนก็อยากขยายธุรกิจ สิ่งที่เขาต้องการคือเงินทุน รัฐบาลก็ต้องพยายามจัดการ เรื่องของธนาคารอิสลามที่เข้าใจบริบทการอยู่อาศัยของคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือธนาคารพาณิชย์อื่นๆ กลับไปจะมีการพูดคุยกัน เพื่อรองรับกรณีที่อยากจะมีการขยาย เช่นการเพาะพันธุ์ปลานิลน้ำไหล แน่นอนว่าต้องการพันธ์ุปลาเพิ่มกรมวิชาการเกษตร กรมประมงต้องเข้ามาช่วย และกระทรวงการคลังก็ต้องเข้ามาดูแลส่วนของเงินทุน
เมื่อถามถึงเรื่องการพูดคุยสันติสุข ที่รัฐบาลสมัยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ริเริ่มซึ่งวันนี้จะครบรอบ 11 ปี รัฐบาลจะมีการต่อยอดหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แน่นอนว่าจะต้องดำเนินการต่อ แต่ในการพูดคุยกันอยากให้พูดคุยเรื่องของโอกาส เรื่องของอนาคตที่ดี ที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกลับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อถามย้ำว่าการพูดคุยจะไม่มีการล้มใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะไม่มีการล้มแน่นอน
เมื่อถามว่าในอนาคตมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคงที่จะต้องพูดคุยกัน วันนี้อย่างที่ตนขอร้องไว้ การลงมาครั้งนี้ไม่อยากพูดถึงเรื่องพวกนี้ เราไม่อยากพูดถึงความขัดแย้งความไม่มั่นคง เราขอพูดถึงเรื่องโอกาสและศักยภาพดีกว่า ตนเชื่อว่าทุกคนรักและอยากทำให้ประเทศไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พี่น้องสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ได้รับสิทธิเท่าเทียมกับเรา จึงอยากให้โฟกัสเรื่องนี้มากกว่า
เมื่อถามถึงนโยบายสามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่งและยังยืนต่อหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่ตนพูดมาทุกเรื่อง คือการสนับสนุนด้านเหล่านี้ และไม่ใช่เราแค่ประเทศเดียว ร่วมมือที่เราได้รับความร่วมมือที่ดีจาก นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ความจริงการลงพื้นที่ครั้งนี้ตนได้เชิญท่านมาร่วมลงพื้นที่ แต่ท่านติดภารกิจเดินทางไปประชุมอาเซียน-ออสเตรเลียก่อน ขณะนี้อยู่นะหว่างการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาอยู่ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้สั่งรูปมายืนยันว่านายกฯมาเลเซียไม่ได้เบี้ยวตน
เมื่อถามว่ามีโอกาสที่นายกรัฐมนตรีมาเลเซียมาร่วมลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปีหน้าจะนัดมาและจะเปลี่ยนไปเมื่องต่างๆด้วย และเชื่อว่าท่านไม่รังเกียจและยินดีที่จะร่วมพัฒนาพื้นที่ตรงนี้ให้มันดี ทั้งตอนเหนือของมาเลเซียและตอนใต้ของไทย ซึ่งความจริงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชนมันดีเยี่ยมอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงสนามบินเบตงมีสิทธิ์ที่จะพัฒนากลับมาให้ใช้ใหม่ได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องเห็นใจภาคเอกชนเช่นกัน เพราะเป็นเรื่องเชิงพาณิชย์ ซึ่งต้องมีเรื่องผลกำไร หรืออย่างน้อยต้องไม่ขาดทุน หรือขาดทุนน้อย หากอยู่ดีๆเราไปบังคับให้เอกชนมาให้บริการ ต้องนึกถึงใจเขาใจเราด้วย แต่ถ้าเกิดมีดีมานด์เข้ามา สามารถที่จะพาคนเข้ามาได้ เขาก็เข้ามาเอง อย่างการบินไทยเองก็อยู่ในสภาพที่เรียกรัฐบาลไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่หากปลายปีนี้ กระทรวงการคลังสามารถเจ้าไปถือหุ้นใหญ่ก็อาจจะมีนโยบายดูว่าจะเข้าไปสนับสนุนตรงนี้ได้หรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง