“กะเทยไทย” ร้องอย่าปล่อย “กะเทยฟิลิปปินส์” กลับประเทศ ควรตรวจสอบจัดการเด็ดขาด

"กะเทยไทย" ร้องอย่าปล่อย "กะเทยฟิลิปปินส์" กลับประเทศ ควรตรวจสอบจัดการเด็ดขาด

กะเทยไทย” ร้องอย่าปล่อย “กะเทยฟิลิปปินส์” กลับประเทศ ควรตรวจสอบจัดการเด็ดขาด

จากกรณีกะเทยไทยรวมตัวกันหลายร้อยคน กดดันกะเทยชาวฟิลิปปินส์ ที่พักอาศัยอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยสุขุมวิท 11/1 หลังจากที่กะเทยไทยถูกกะเทยชาวฟิลิปปินส์รุมเหยียดหยามและทำร้ายในคืนวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา

 

กะเทยไทย

เช้าวันนี้ (5 มีนาคม 2567) กลุ่มกะเทยคนไทยที่เป็นคู่กรณีในที่เหตุการณ์ ออกมาให้สัมภาษณ์ ว่าวันนี้กลุ่มของตนเองมาที่สน.ลุมพินี เพื่อต้องการที่จะเจรจาพูดคุยกับคู่กรณี ว่าทำร้ายรุ่นน้องไปเพราะอะไรทั้งที่ฝ่ายเรายังไม่ได้ทำอะไรให้และที่ผ่านมาก็ต่างคนต่างอยู่ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ครั้งแรกเพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ที่ถูกกระเทยต่างชาติรุมทำร้ายกระเทยไทย แต่หากมีการเจรจาก็คิดว่าเรื่องจะจบได้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อมีการสอบถามว่ามีปัญหาอะไรกันมาก่อนหน้านี้หรือเปล่ากลุ่มเพื่อนผู้บาดเจ็บ บอกว่าทำงานมาตรงนี้หลายปีและกระเทยฟิลิปปินส์เพิ่งจะเข้ามาเช่าโรงแรม ตรงที่เกิดเหตุและมักจะรวมตัวยืนกันที่หน้าโรงแรมเป็นประจำซึ่งตนก็ไม่รู้ว่ามาทำงานอะไรแต่ทุกคนคงจะรู้และเข้าใจว่าทำอะไร

และเมื่อกลุ่มกระเทยไทยเดินผ่านก็จะถูกแก๊งกระเทยฟิลิปปินส์กระทืบเท้ายกเท้าใส่และตะโกนด่าล้อเลียนด่าทอและตะโกนไล่ให้ออกจากพื้นที่ เสมือนพื้นที่ดังกล่าวเป็นของกระเทยฟิลิปปินส์ ที่ผ่านมาพวกตนพยายามเดินเลี่ยงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่อง ยืนยันไม่ได้เป็นคนนัดให้ทุกคนมารวมตัวกัน คิดว่าคนอื่นเห็นคลิปจากโซเชียลจึงอยากตามมาให้กำลังใจ และมีการพยายามจะเจรจากันที่หน้าโรงแรมแต่ไม่สำเร็จ จนเกิดเหตุชุลมุนกันตามคลิปที่ปรากฏลงโซเชียล

ขณะที่ ตำรวจพยายามให้ทั้งสองฝ่ายมาคุยกันที่สน. ซึ่งมีเพียงกระเทยฟิลิปปินส์ตามด้วย 4 คนเท่านั้น ทั้งที่มีมากกว่านั้น และมี 2 ใน 4 คน ที่ไม่รู้เรื่องในเหตุการณ์ มีเพียง 2 คนที่อยู่ในคลิปของวันที่ 4 มีนาคม

 

 

ส่วนกะเทยฟิลิปปินส์ที่เหลือทราบว่าเมื่อช่วงเช้าได้หอบกระเป๋าออกออกจากโรงแรม โดยรถแท็กซี่ ไปยังสนามบินสนามบินแล้ว พวกตนจึงอยากจะตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ว่าคู่กรณีมาก่อเหตุที่บ้านเราเหตุใดถึงปล่อยตัวให้ออกนอกประเทศได้ง่ายขนาดนี้ และตนเองได้โทรศัพท์สอบถามตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบอกว่า ทางตำรวจในพื้นที่เกิดเหตุต้องออกหมายจับถึงจะควบคุมตัวคู่กรณีได้ ทำให้หมดหวังกับกฎหมายไทยและตำรวจไทย เพราะเหตุทำร้ายร่างกายที่เกิดขึ้นถือว่ารุนแรงมีการรุมทำร้าย 20 ต่อ 6 แต่จับกุมคนร้ายได้เพียง 2 คนเท่านั้น และการรวม 20 ต่อ 6 ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกินไปมากสำหรับตนเอง

 

 

อยากให้ทางตำรวจและตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบถึงการเข้ามาของกระเทยฟิลิปปินส์ว่าเข้ามาอย่างถูกต้องหรือไม่และเข้ามาทำอะไรอยู่เกินวีซ่าหรือเปล่า และเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องหรือเปล่าซึ่งตนขอฝากให้ไปตรวจสอบกับโรงแรมที่เกิดเหตุและดูกล้องวงจรปิดย้อนหลัง 12 วันก็จะรู้พฤติกรรมของกลุ่มฟิลิปปินส์กลุ่มนี้

เมื่อสอบถามว่า มีคลิปความรุนแรงจาก กระเทยไทยเผยแพร่ในโซเชียลกลัวว่าจะถูกมองว่าใช้ความรุนแรงหรือไม่กลุ่มเพื่อนผู้เสียหายบอกว่า เพื่อนตนเองถูกกระทำเราไม่ได้เริ่มก่อน จึงยอมไม่ได้ไม่ว่ากลุ่ม LGBT ประเทศไหนเจอแบบตนก็ต้องสู้แบบตนแน่นอน และยังพูดอีกว่า กลุ่ม LGBT ต่างชาติกลับจะมองว่ากลุ่มกระเทยไทยรักกันและช่วยเหลือกันมากกว่า

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ระทึกกลางดึก ไฟไหม้ "ร้านกาแฟ" เผาวอดทั้งหลัง เสียหายกว่า 7 แสนบาท
"อุตุฯ" เผย "เหนือ-อีสาน-กลาง" อากาศเย็นตอนเช้า เตือนใต้ยังรับมือฝนตก
แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก
สวนนงนุชพัทยาเปิดเวที CHONBURI PROUD EXPO 2024 หนุน SMEs ชลบุรีสู่ตลาดโลก
“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น