“พท.” รุมฉะ “ก้าวไกล” จุ้นฝ่ายบริหาร ทำงานล้ำเส้น วางตัวไม่สมศักดิ์ศรี

"พท."รุมฉะ"รองอ๋อง"ไล่ลาออกเถอะ จุ้นฝ่ายบริหาร ทำงานล้ำเส้น วางตัวไม่สมศักดิ์ศรี "รองประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ" ไล่ลาออกเถอะ

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่สอง เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการพิจารณา นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นตำหนิการทำหน้าที่ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯคนที่ 1 ที่ไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ถือว่าไม่เหมาะสม ทั้งที่ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ มีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการของสภานั้น ๆ ให้เป็นไปตามข้อบังคับ และต้องวางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ แม้นายปดิพัทธ์จะบอกว่าไปในนามส่วนตัว แต่ก็สลัดไม่ออกว่าเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ หากตนไม่ลุกขึ้นมาพูดก็เดินกลับพื้นที่ไม่ได้ เพราะมันคือเกียรติยศ และศักดิ์ศรี ของสภาฯแห่งนี้ และในรัฐธรรมนูญมาตราที่ 1 มาตราที่ 3 แบ่งอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ชัดเจน เราไม่ก้าวล่วงกัน เราเคารพซึ่งกันและกัน

“เกิดมาผมก็เพิ่งเคยพบเคยเห็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติบุกฝ่ายบริหาร ซึ่งไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ ชื่อปดิพัทธ สันดิภราดา”นายไชยวัฒน์ กล่าว

ทำให้นายณัฐวุฒิ บัวปทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงประธานฯว่า ต้องควบคุมเวลาในการหารือ ตอนนี้ครบ 5 นาทีแล้ว แต่ถ้านายไชยวัฒน์เห็นว่านายปดิพัทธ์ใช้อำนาจล้นเกิน ก็อยากให้เสนอเป็นญัตติเข้ามา จะได้ช่วยกันรับรองญัตติ จะพิจารณาทั้งวันก็ยินดี ตนไม่ชอบที่จะมาบอกว่าใครอยู่มาก่อน อยู่หลัง ประชาชนจะเป็นคนตัดสินเอง

นายไชยวัฒนา โต้ว่า ไม่เป็นปัญหา พวกตนหวานก็ต้องอมขมก็ต้องกลืน เพราะว่าอยูู่ฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน

ด้านนายพิเชษฐ์ วินิจฉัยว่า ตนฟังแล้วนายไชยวัฒนา พูดถึงศักดิ์ศรีของสส. และอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจและสังคมตั้งข้อสังเกตไว้ และหากนายปดิพัทธ์ ขึ้นมาทำหน้าที่ประธานที่ประชุมก็จะได้ชี้แจง

จากนั้นนายธีรชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า

โดยส่วนตัวตนชื่อชมการปฏิบัติหน้าที่ของนายปดิพัทธ์ มาโดยตลอด เพราะมาจากการเลือกตั้ง เป็นสส.เขต เหมือนกับตน แต่การที่จะเสนอกฎหมาย อย่างสมัยที่แล้วตนเสนอ ร่างพ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย กว่าที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯขณะนั้นจะลงนาม เป็นเวลาเกือบ 2 ปีฉะนั้นสิ่งที่นายปดิพัทธ์ ทำไปนั้นตนว่าลาออกเถอะ มันเสียศักดิ์ศรี หากท่านเข้าไปตามตรอกออกตามประตู ได้รับการต้อนรับอย่างดีในการประสานงาน แต่นี่มันเสียศักดิ์ศรีสถาบันรัฐสภา

“ไปแบบโคจรไป ไม่มีใครต้อนรับ มีเจ้าหน้าที่จากไหนไม่รู้มาต้อนรับ ผมไปตอนนั้น ท่านนายกฯประยุทธ์เลี้ยงกาแฟ แต่ครั้งนี้นายกฯก็ไม่ได้มา อย่างน้อยก็ต้องรองนายกฯ มาต้อนรับ”นายธีรชัย กล่าว

นายพิเชษฐ์ ปิดไมค์ไม่ให้พูด แต่นายธีรชัย ยังคงตะโกนลั่นห้องประชุม นายพิเชษฐ์ จึงกล่าวว่า “ท่านจะฟังผมมั๊ย ท่านธีรชัยจะหยุดมั๊ย ท่านจะหยุดพูดมั๊ย ท่านนั่งลง” ทำให้นายธีรชัยต้องนั่งลง และนายพิเชษฐ ชี้แจงว่า เดี๋ยวตนจะเชิญประชุมวิป 3 ฝ่าย ทั้งรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และตัวแทนรัฐบาล มาหารือในสัปดาห์หน้า เพื่อจะดูว่าเรื่องไหนที่เร่งด่วน จำเป็น และการทำหน้าที่ของแต่ละคนก็แล้วแต่ดุลยพินิจของประธานฯ ตามรัฐธรรมนูญ แล้วแต่ว่าท่านจะปฏิบัติหน้าที่อย่างไร เดี๋ยวนายปดิพัทธ์ ขึ้นมาทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ก็ให้ท่านชี้แจง

นอกจากนี้ นายปดิพัทธ์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ความคืบหน้ากรณีข้อพิพาทห้องหลังบัลลังก์ หลังพรรคก้าวไกลอภิปรายในที่ประชุมสภา ว่า พรรคพลังประชารัฐยึดครอง นั้น ผ่านขั้นตอนการเจรจาไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดระเบียบใหม่ ไม่ใช่เรื่องพรรคใดพรรคหนึ่ง ซึ่งห้องหลังบัลลังก์มีการใช้พื้นที่รวมกันของหลายส่วน ที่สำคัญยังไม่มีระเบียบที่ชัดเจน และไม่ได้อยู่ในฝ่ายอาคารสถานที่ผู้รับผิดชอบ แต่ประธานสภาฯ มอบหมายให้ฝ่ายประชุมดูแล ซึ่งฝ่ายประชุมต้องการที่สุด คือ มาตรฐานระเบียบที่ใช้กับทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งระเบียบพึ่งร่างออกมา และระบุชัดเจนว่ามีอะไรที่ใช้ได้และอะไรที่ใช้ไม่ได้ โดยจะประสานงานกับวิปทั้งสองฝ่าย

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ระเบียบได้ประกาศให้ทุกคนทราบแล้วหรือยัง นายปดิพัทธ์ ระบุว่า มีการเซ็นเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่พรรค พปชร.จะทำตามระเบียบหรือไม่นั้น นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า เราอยากให้เกียรติสมาชิก คงไม่ถึงต้องไปขนของออกเมื่อมีระเบียบออกมา แต่อย่างน้อยที่สุดต้องมีกรอบเวลาที่ชัดเจน ว่าจะให้แต่ละคนได้จัดการห้องใหม่อย่างไรบ้าง และพื้นที่ของบุคคลที่จะเข้ามาใช้ห้องดังกล่าวจะเข้ามาเมื่อไหร่ซึ่งต้องดูอีกหลายภาคส่วน

เมื่อถามว่าห้องหลังบัลลังค์ใครเป็นผู้ใช้ นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า ทุกห้องเป็นห้องผู้ชี้แจง เนื่องจากเวลามีการประชุมสภา มีทั้งคณะรัฐมนตรี คณะกรรมาธิการ (กมธ.) และหน่วยงานราชการที่ต้องมารอสแตนบายเพื่อเตรียมขึ้นบัลลังก์ให้เร็วที่สุด เพราะไม่รู้ว่าวาระการประชุมจะเป็นอย่างไร จึงไม่สามารถให้ไปรอในที่ไกลๆได้ ฉะนั้นจะเป็นห้องของผู้ชี้แจงเป็นหลัก ส่วนที่ 2 จะเป็นห้องของวิป เมื่อวิปจะต้องมีการพูดคุยกันต้องคุยกันใกล้ๆ เพราะต้องตัดสินใจในเรื่องที่ทันถี่ถ้วน ซึ่งทางภาคปฏิบัติของสภาสมัยที่แล้ว ห้องวิปรัฐบาลจะอยู่ทางด้านซ้าย และห้องวิปฝ่ายค้านอยู่ด้านขวา ใช้แบบนี้มาตลอด

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การครอบครองห้องหลังบัลลังค์ของพรรคๆหนึ่งมีมานานแล้วหรือยัง ในลักษณะยึดห้องดังกล่าวเป็นการส่วนตัว นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ไม่แน่ใจ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีใครอยากไปอยู่ในห้องหลังบัลลังก์ เพราะไม่เหมาะสมกับการไปอยู่ในระยะยาว ซึ่งเรามีห้องพักของ สส. และมีห้องทำงานมากมายที่เหมาะสมกว่า

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

พ่อเลี้ยงหื่น! มอมเหล้าลูกเลี้ยง วัย 16 ปี จนขาดสติก่อน ลวนลาม ขณะแม่อยู่ด้วยก็ไม่เว้น เครียดหนักเคยคิดสั้นฆ่าตัวตาย สุดอึ้ง!! เอาเรื่องไปบอกแม่ กลับไม่เชื่อ
พล.ต.ท.ธนายุตม์ ยื่นสำนวนคดี “แอม ไซยาไนด์” ให้อัยการด้วยตัวเอง 14 รายการ
ราชกิจจาฯเผยแพร่ พระบรมราชโองการ ประกาศ ให้ชื่อใหม่ "เจ้าคุณพระสินีนาถ พิลาสกัลยาณี"
“แม่สามารถ” เครียดจัด ผูกคอคาห้องขังดีเอสไอ จนท.ช่วยระทึก ห่วงลูกจะอดข้าวประท้วง ขอความเป็นธรรม
เคราะห์ร้าย ! หนุ่มวัย 18 ปี ขี่จยย. ถูกกันสาดหล่นใส่หัวเจ็บสาหัส
ยูเครนลั่นไม่ทำลายทุ่นระเบิดอ้างถูกรัสเซียรุกราน
ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบดำเนินคดี “กลุ่มน้ำไม่อาบ” ทุกมิติ พร้อมเอาผิดตามหลักฐานคลิปที่ปรากฏ
ขุนเขา ‘ฮว่าซาน’ ่ของจีนสวยสะกดยามห่มหิมะขาว
ทหารพรานจัดกำลังตรวจค้นเก็บกู้บ่วงดักสัตว์ป่า
ผลักดัน ! แรงงานต่างด้าวมากกว่า 100 ราย ออกนอกประเทศ หวั่นเกรงมาสร้างความวุ่นวายในพื้นที่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น