“สันติสุข” ซัดน่าอาย “จุฬาฯ” ทำนิ่ง ไม่กล้าเพิกถอนปริญญาเอก “ณัฐพล” เขียนวิทยานิพนธ์ใส่ร้ายเบื้องสูง Top News รายงาน
ข่าวที่น่าสนใจ
ซึ่งอ้างอิงมาจากวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก “การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500)” ของนายณัฐพล ใจจริง ซึ่งกำลังถูกทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสอบสวนวิทยานิพนธ์
ต่อมาทางด้านผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กถึงเรื่องดังกล่าวว่า
ผมได้ยินมาจากกรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งมาว่า
ผลการสอบโดยนักวิชาการระดับศาสตราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิออกมาว่าเป็นวิทยานิพนธ์ที่บิดเบือนข้อมูล ไม่ได้ทำวิจัยจากข้อมูลจริงคือมีทั้ง Data falsification และ Data fabrication ครับ
แล้วเมื่อนำรายงานผลการตรวจสอบเข้าไปในสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรับทราบและรับรองผลการตรวจสอบ แต่ไม่กล้าลงมติถอดถอนปริญญาบัตรของณัฐพล ใจจริง ทั้งๆ ที่ผิดจริยธรรมร้ายแรงทางวิชาการจริง ๆ
เป็นปัญหาเทคนิคทางกฎหมาย คือระเบียบของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเขียนเอาไว้แค่ว่าถอดถอนปริญญาได้ถ้าลอกมา หรือ Plagiarism
แต่ระเบียบไม่ได้เขียนว่าถ้าตกแต่งข้อมูลหรือปั้นข้อมูลเท็จจะถอดถอนปริญญาบัตร
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคงไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำผิดจริยธรรมทางวิชาการร้ายแรงเช่นนี้ เลยไม่ได้เขียนระเบียบเอาไว้
เมื่อไม่ได้เขียนระเบียบเอาไว้ให้ชัดเจน ต่อให้กระทำผิดร้ายแรงแค่ไหน กรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ไม่กล้าลงมติถอดถอนปริญญาบัตรของณัฐพล ใจจริง เพราะกรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคงกลัวณัฐพล ใจจริง จะไปฟ้องศาลปกครอง
สรุปคือไม่มีกฎหมายจะให้เอาผิด เลยไม่เอาผิด ทั้ง ๆ ที่ทำผิดเต็ม ๆ ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ
ถ้าสิ่งที่ผมได้ยินมาเป็นความจริงทั้งหมด ผมก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอันเป็นที่รักยิ่งของผมขาดความกล้าหาญทางจริยธรรมในการรักษาจริยธรรมทางวิชาการ
ห่วงรักตัวเอง มากกว่าความถูกต้องทางวิชาการ และห่วงรักตัวเองมากกว่าเกียรติภูมิจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ไม่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะกลัวจะเจ็บตัว ต้องถือไม้เท้าหรือนั่งรถเข็นไปขึ้นศาลตอนแก่
ผมผิดหวังมากครับ ถ้าสิ่งที่ผมได้ยินมาเป็นความจริงดังนี้แล
จริง ๆ หากกรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะแก้ปัญหาอย่างกล้าหาญก็แค่ส่งระเบียบของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ศาลตีความว่าสามารถถอดถอนปริญญาบัตรหากวิทยานิพนธ์มีทั้ง Data falsification และ Data fabrication อันผิดร้ายแรงยิ่งกว่า Plagiarism เสียอีกในทางวิชาการ ถ้าศาลท่านตีความมาว่าอย่างไร กรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็แค่ทำตามนั้น ไม่ใช่จะนั่งทับไว้จนตัวเองหมดวาระไปเฉย ๆ
ล่าสุดทางด้านนายสันติสุข มะโรงศรี พิธีกรช่องท็อปนิวส์ ได้แสดงความคิดเห็น ถึงเรื่องนี้ระบุว่า จุฬาฯ เคยถอนปริญญาเอกของ ดร.คนหนึ่งมาแล้ว
กรณีนั้น มีฝรั่งร้องจุฬาฯ ว่าวิทยานิพนธ์ของดร. ลอกงานของเขา
“ดร” ฟ้องฝรั่งด้วยนะว่าหมิ่นประมาท 555
จุฬาฯ ตั้งคณะ กก สอบสวน นพ.ยง ภู่วรวรรณ เป็นประธาน
ได้ผลสอบว่า คัดลอกมาประมาณ 80%
ในที่สุด หลังจากดำเนินการตามขั้นตอน สภาจุฬาฯ ก็เพิกถอนปริญญาเอก มีผลตั้งแต่ 21 มิ ย 55
อธิการบดียุคนั้น คือ นพ.ภิรมย์ กมลรัตนากุล
อุปนายกสภามหาวิทยาลัย คือ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโน
แปลกใจ… มายุคนี้ จุฬาฯพบว่า วิทยานิพนธ์แซะสถาบันพระมหากษัตริย์มีปัญหา อ้างอิงมั่ว ผิดพลาด ทำให้คนเข้าใจผิดต่อในหลวงรัชกาลที่9 จุฬาสั่งระงับการแผยแพร่ แต่ไม่มีการเปิดเผยผลการตรวจสอบ และไม่มีการเพิกถอนปริญญาเอกของผู้เขียนวิทยานิพนธ์นั้น
ผู้เขียนวิยานิพนธ์ยังใช้สถานะจบปริญญาเอกจากรัฐศาสตร์จุฬา ยังใช้วิทยานิพนธ์ไปเผยแพร่ในรูปหนังสือเล่ม แล้วก็มีนักการเมือง สส แกนนำม็อบ3นิ้ว สื่อแนวร่วม ฯลฯ ใช้อ้างอิง ปั่นกระแส จาบจ้วงสถาบันต่อไป
ล่าสุด คดีที่ผู้เขียนวิทยานิพนธ์ฟ้อง ดร.ไชยยันต์ หาว่าหมิ่นประมาท ศาลยกฟ้อง ดร.ไชยยันต์ไม่ผิด เพราะตรวจสอบพบว่าวิทยานิพนธ์นั้น ผิดพลาดคลาดเคลื่อน บิดเบือนข้อมูลความจริง อ้างอิงมั่ว ๆ หลายจุดอย่างไรบ้าง สุดท้าย ผมว่า น่าอายนะ ถ้าจุฬาฯ ยังเฉย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น