พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แท็กทีมขวางกฎหมายแรงงานฉบับสุดโต่งของ “พรรคก้าวไกล” เนื่องจากมองว่ามุ่งหาเสียงจากลูกจ้างจนละเลยผลกระทบทางธุรกิจที่มีผลต่อนายจ้างและเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ
นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงานที่เสนอโดยนายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทำให้ถูกสส.ก้าวไกลออกมาแถลงข่าวตำหนิว่าสส.ฝั่งรัฐบาลเห็นแก่นายทุน ว่า การพิจารณากฎหมายทุกฉบับ คนเป็นสส.ต้องพิจารณาอย่างครบถ้วนรอบคอบ แต่ในขณะเดียวตนและสส.เสียงข้างมาก ยังได้ลงมติเห็นชอบในหลักการร่างพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับของนายวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ สส.สตูล พรรคภูมิใจไทย และฉบับของน.ส.วรรณวิภา ไม้สน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลด้วย แต่เหตุใดนายเซียและสส.พรรคก้าวไกล ยังออกมาแถลงข่าวตำหนิโจมตีสส.ฝั่งรัฐบาลอยู่
“จึงมองได้ว่า เป็นการจ้องแต่จะเล่นแง่สร้างดราม่าหวังผลทางการเมืองอย่างเดียว โดยไม่สนใจเนื้อหารายละเอียด และไม่ได้เห็นความสำคัญของผู้ประกอบการรายย่อย รายเล็กว่าจะสามารถแบกรับต้นทุนการผลิตได้หรือไม่ แบบนี้ใช้ไม่ได้ การจะเสนอกฎหมายใด ก็ควรทำให้ทั้งระบบเศรษฐกิจของประเทศเกิดความสมดุล ไม่สุดโต่งจนเกินไป ให้เกิดความสมเหตุสมผล สามารถอยู่ได้ทั้ง SMS ผู้ประกอบการรายย่อยและนายจ้างเพราะหากผู้ประกอบการเหล่านี้ต้องปิดกิจการลงเพราะแบกรับต้นทุนไม่ไหว ท้ายที่สุดก็จะส่งผลกระทบมาถึงผู้ใช้แรงงานและลูกจ้างก็จะถูกเลิกจ้างตามมา จึงเป็นเหตุผลที่สส. ฝั่งรัฐบาล เห็นด้วยกับร่างคุ้มครองแรงงานของพรรคภูมิใจไทยเพื่อจะสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจของประเทศให้เกิดความสมดุลเข้มแข็งไปพร้อมกัน ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง”
นายธนกร มองว่า การที่สส.พรรคก้าวไกลออกมาโจมตีสส.ฝั่งรัฐบาลกล่าวหาว่า เข้าข้างนายทุน ไม่เห็นแก่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ใช้แรงงานนั้น เป็นการกล่าวหากันเกินไป และตนก็เป็นลูกชาวบ้านคนธรรมดาเหมือนกับทุกท่าน ไม่ได้เห็นแก่นายทุนอย่างที่ถูกโจมตี ยืนยันว่ารัฐบาลเราคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ที่ผู้ใช้แรงงานทุกคนควรจะได้รับ จึงได้ลงมติเห็นชอบ ทั้ง 2 ร่างของสส.พรรคภูมิใจไทยและพรรคก้าวไกลด้วย
“จึงขอตั้งข้อสังเกตว่า แม้เราจะเห็นชอบ 2 ร่างของทั้งสส.วรศิษฎ์ ภูมิใจไทยและสส.วรรณวิภา ของก้าวไกลแล้วก็ตาม แต่ยังมีการออกมาแถลงข่าวตำหนิโจมตี สส.ฝั่งรัฐบาลว่าเข้าข้างนายทุนอยู่ ทำให้มองได้ว่า สส.เซียและสส.ของพรรคก้าวไกล จงใจสร้างดราม่าเพื่อหวังนำมาขยายผลตีกินทางการเมือง มากกว่าที่จะช่วยผู้ใช้แรงงานอย่างจริงใจหรือไม่ เพราะถ้าต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตของลูกจ้างผู้ใช้แรงงานจริงๆ ก็ต้องพัฒนาทั้งระบบ คำนึงถึงเรื่องต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการรายย่อย SME ด้วย แต่เท่าที่ดูการกระทำเหมือนย้อนแย้งกับคำพูด“ นายธนกร กล่าว
นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง และโฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรวานนี้ (6 มี.ค.) มีมติไม่รับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน ฉบับที่เสนอโดยนายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานไว้อย่างชัดเจนว่า “แรงงานเป็นส่วนหนึ่งขององคาพยพ การดูแลลูกจ้างต้องควบคู่กับนโยบาย SME ที่ต้องดูแลนายจ้างด้วย แรงงานต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี ขณะเดียวกัน SME ก็ต้องได้รับการดูแล มาตรการที่จะต้องช่วยให้พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันเป็นระบบนิเวศ”
ไม่สามารถรับร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงานฉบับของนายเซียได้ เนื่องจากแรงงานเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจ แต่การแก้ไขเฉพาะส่วน จะทำให้กระทบกับสิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝั่งผู้ประกอบการ SME ซึ่งจะทำให้ระบบนิเวศทางเศรษฐกิจพังทลายลงได้ ในขณะที่ยังไม่ได้มีมาตรการใดๆ ที่จะมารองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการที่ต้นทุนด้านแรงงานที่สูงขึ้นทันที ดังนั้น จึงไม่สามารถที่จะแก้กฎหมายให้เป็นไปตามที่พรรคก้าวไกลปรารถนาได้ ทั้งนี้ การแก้ไขกฎหมาย จะต้องมองให้รอบด้าน ไม่ใช่มองเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น