นโยบายระดมทุนของพรรคการเมือง ผ่านระบบที่เรียกว่า พันธบัตรเลือกตั้ง (electoral bond) กำลังเป็นประเด็นใหญ่ในการเมืองอินเดีย ขณะกำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไป ในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมนี้ โดยระบบนี้ รัฐบาลพรรค ภารา-ติ-ยะ ชะ-นะ-ตะ (ภราติยะชนตะ) ของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ริเริ่มเมื่อ 7 ปีก่อน เพื่อให้ประชาชนและบริษัท บริจาคเข้าพรรคการเมืองแบบไม่จำกัด และไม่ต้องเปิดเผยตัวตน ด้วยการไปซื้อเอกสารที่คล้ายกับตั๋วสัญญาใช้เงิน จากสาขาธนาคาร SBI ซึ่งเป็นธนาคารของรัฐ ราคาตั้งแต่ 1 พันรูปี จนถึง 10 ล้านรูปี และให้พรรคการเมืองขึ้นเงินผ่านบัญชีธนาคาร
พรรครัฐบาลอินเดียอ้างว่า วิธีนี้จะช่วยให้เงินสนับสนุนพรรคการเมือง มีความโปร่งใสมากขึ้น กำกับดูแลได้ดีกว่าการบริจาคเป็นเงินสด เพราะผ่านธนาคาร แต่นักวิจารณ์ประณามว่าให้ผลตรงกันข้าม แถมเป็นกระบวนการที่คลุมเครือ เปิดช่องการยักย้ายถ่ายโอนเงินสกปรกให้กับพรรคการเมือง ในที่สุด ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ได้ไปยื่นคำร้องให้ศาลสูงตัดสิน
ผลออกมาเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ว่า พันธบัตรเลือกตั้งขัดกับรัฐธรรมนูญ เป็นนโยบายจำกัดสิทธิในการเข้าถึงข่าวสารของประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ศาลสูงอินเดียยังมีคำสั่ง SBI ห้ามออกตั๋วสัญญาใช้เงินเพิ่มอีก และต้องยื่นรายละเอียดทั้งหมดว่าใครซื้อบ้าง นับตั้งแต่เมษายน 2562 และส่งข้อมูลเกี่ยวกับพันธบัตรที่แต่ละพรรคการเมืองนำไปขึ้นเงิน ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งในวันที่ 6 มีนาคม
แต่สองวันก่อนเส้นตาย SBI ได้ยื่นคำร้องขอต่อเวลาออกไปถึง 30 มิถุนายน โดยอ้างว่า การจับคู่ว่าใครบริจาคเข้าพรรคการเมืองไหน เป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลา แต่ศาลสูงไม่รับฟัง และมีคำตัดสินเมื่อวาน (11 มีนาคม) ว่า SBI มีทั้งข้อมูลผู้บริจาค ชนิดตั๋วสัญญาใช้เงิน และพรรคการเมืองที่ขึ้นเงิน เป็นจำนวนเท่าไหร่และเมื่อไหร่ เท่ากับว่า ศาลขอให้ SBI เปิดข้อมูลที่มีอยู่แล้วเท่านั้น หากธนาคารไม่ปฏิบัติตามคำสั่งภายในเวลาปิดทำการ 18.30 น. วันอังคารที่ 12 มีนาคม จะถือว่า มีเจตนาขัดขืนคำสั่งศาล
คำสั่งศาลสูงอินเดีย เป็นข่าวร้ายของพรรค บีเจพี ของนายกฯโมดี เพราะเป็นพรรคที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากระบบริจาคเงินที่เป็นประเด็นถกเถียง ขณะกำลังเตรียมเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไป โดยหวังว่าจะคว้าชัยเป็นสมัยที่สามติดต่อกัน