MANGO แบรนด์แฟชั่นค้าปลีกจากสเปนชี้กำลังปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่มีทั้งร้อนและหนาวพร้อมกัน ด้วยการออกแฟชั่นตามฤดูกาลน้อยลง
นาย โทนี่ รุยซ์ ผู้บริหารระดับสูงของแมงโก้ แบรนด์แฟชั่นค้าปลีกชื่อดังจากสเปนกล่าวกับรอยเตอร์ว่า บริษัทกำลังปรับเปลี่ยนออกคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าตามซีซั่นหรือฤดูกาลน้อยลง เพื่อช่วยให้ลูกค้าปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิที่ผันผวน จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
รุยซ์กล่าวว่า ปกติอุตสาหกรรมเสื้อผ้าจะมีการกำหนดซีซั่นไว้อย่างชัดเจน แต่ภาวะโลกร้อน ทำให้จำเป็นปรับตัวให้เข้ากับช่วงเวลาที่อาจมีอุณหภูมิร้อนและเย็นผสมกัน และผลิตเสื้อผ้าที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น เนื่องจากสเปนและประเทศอื่นๆ ในยุโรปประสบกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นในบางช่วงเวลาของปี รวมถึงมีฝนตกมากขึ้นในบางพื้นที่ เทรนด์เสื้อผ้าจึงต้องเปลี่ยนไปเช่นกัน โดยผู้หญิงนิยมซื้อเทรนช์โค้ต หรือเสื้อโค้ตกันฝนมากขึ้น ส่วนเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย ก็จะเน้นไปที่เนื้อผ้าที่มีประสิทธิภาพในการระบายอากาศและดูดซับเหงื่อมากขึ้น
ส่วนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อเปลี่ยนแปลงให้ทันกับกระแสโลกและรับมือกับปัญหาการหยุดชะงักต่างๆ ซึ่งล่าสุด คือปัญหาการขนส่งผ่านทะเลแดง รุยซ์กล่าวว่า แบรนด์ได้เปลี่ยนการสั่งผลิต ทั้งจากผู้ผลิตในยุโรปและเอเชีย โดย ณ สิ้นปี 2566 บริษัทสั่งผลิตในโรงงานประมาณ 3 พันแห่งในจีน ตุรกี อินเดีย บังกลาเทศ สเปน อิตาลี และโปรตุเกส ซึ่งประมาณร้อยละ 40 ของซัพพลายเออร์ของแมงโก้ตั้งอยู่ในยุโรป แต่ปริมาณสินค้ามากกว่าร้อยละ 80 ยังคงผลิตในเอเชีย
นอกจากนี้ ผู้ค้าปลีกรายนี้ ยังมุ่งเน้นการลงทุนไปกับ การขยายจำนวนสาขาและพัฒนาเทคโนโลยี รุยซ์กล่าวว่า กำลังใช้ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อช่วยติดตามเทรนด์บนโซเชียลมีเดีย และหาข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภค โดยขณะนี้บริษัทมีแพลตฟอร์มเอไอ ของตัวเอง ซึ่งมีลักษณะคล้าย ChatGPT เพื่อฝึกออกแบบ และปัจจุบัน มีแบบเสื้อผ้าประมาณ 20 แบบ ที่ทำขึ้นด้วยความช่วยเหลือของเอไอ