รู้หรือไม่ มีแต่เมืองไทยที่ "ห้ามกินไก่" เวลาเป็นเกาต์ โรคเกาต์ คืออะไร อาการเป็นอย่างไร รักษาวิธีไหนได้บ้าง ความเจ็บปวดนี้เลี่ยงได้จริงหรือ
ข่าวที่น่าสนใจ
โรคเกาต์ “ห้ามกินไก่” ?
- โรคเกาต์ หมายถึง โรคข้ออักเสบจำเพาะที่เกิดเนื่องจากมีระดับกรดยูริกในเลือดสูงกว่าปกติ ทำให้มีการตกผลึกยูเรต (Monosodium Urate, MSU) ในข้อ ก่อให้เกิดอาการข้ออักเสบขึ้น หากมีการตกตะกอนในเนื้อเยื่อต่าง ๆ และใต้ผิวหนัง จะเกิดเป็นก้อนตะปุ่มตะป่ำตามตำแหน่งต่าง ๆ เรียกว่า โทฟัส (tophus)
ปัจจัยเกิดโรคเกาต์?
- โรคเกาต์ เป็นโรคข้ออักเสบที่พบบ่อยที่สุดในผู้ป่วยชายที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง เป็นสัดส่วน 9 : 1 โดยในเพศชายมักพบช่วงอายุระหว่าง 30 – 50 ปี เพศหญิงพบได้มากขึ้นในช่วงอายุมากกว่า 50 ปี หรือวัยหลังหมดประจำเดือน
- ส่วน ภาวะกรดยูริกในเลือดสูง หมายถึง ภาวะที่มีกรดยูริกสูงผิดปกติมากกว่าค่าเฉลี่ยมาตรฐาน โดยค่าสูงสุดที่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติในเพศชายคือ 7.0 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร (มก./ดล.) และเพศหญิงวัยก่อนหมดประจำเดือนคือ 6.0 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร (มก./ดล.) หรือมีระดับกรดยูริกในเลือดสูงกว่า 6.8 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร (มก./ดล.) เมื่ออิงตามคุณสมบัติทางเคมี
อาการของโรคเกาต์?
อาการของโรคเกาต์ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
ระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน
- ลักษณะเด่นของโรคในระยะนี้ คือ การเกิดข้ออักเสบเฉียบพลันที่บริเวณข้อในส่วนล่างของร่างกาย โดยครั้งแรกมักเกิดที่บริเวณหัวแม่เท้าข้างใดข้างหนึ่งหรือที่ตำแหน่งข้อเท้า
ระยะที่ไม่มีอาการข้ออักเสบและระยะเป็นซ้ำ
- ในระยะนี้ผู้ป่วยจะมีอาการปกติทุกอย่าง มักมีประวัติข้ออักเสบระยะเฉียบพลันมาก่อน ระยะเวลาตั้งแต่การมีข้ออักเสบครั้งแรกถึงระยะต่อไปอาจกินเวลาแตกต่างกันในแต่ละราย หากไม่ได้รับการรักษาอาจมีโอกาสเกิดข้ออักเสบซ้ำภายใน 1 – 2 ปี เมื่อเป็นซ้ำบ่อย ๆ จำนวนข้ออักเสบจะเพิ่มมากขึ้นและรุนแรงมากขึ้น ระยะเวลาในแต่ละครั้งที่มีข้ออักเสบยาวนานขึ้น อาจมีอาการทางกายอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น อาการไข้
ระยะข้ออักเสบเรื้อรังจากโรคเกาต์
- ลักษณะจำเพาะ คือ พบข้ออักเสบหลายข้อแบบเรื้อรัง ร่วมกับการตรวจพบก้อนที่เกิดจากการสะสมของผลึกยูเรตตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ หรือเรียกว่า โทฟัส (tophus) บางครั้งอาจแตกออกมาเห็นเป็นสารสีขาวคล้ายชอล์ก ตำแหน่งที่พบโทฟัสได้บ่อยนอกจากบริเวณนิ้วหัวแม่เท้าและข้อเท้า คือ ปุ่มปลายศอก เอ็นร้อยหวาย ปลายนิ้ว และอาจพบที่ใบหูร่วมด้วย ในระยะนี้จะพบข้ออักเสบหลายข้อ และอาจมีไข้จากการอักเสบได้
การรักษาโรคเกาต์ “ห้ามกินไก่” ?
การรักษาโรคเกาต์ แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
การรักษาโรคเกาต์โดยไม่ใช้ยา
- ประกอบด้วย การให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเกาต์ และการให้คำแนะนำในการปฏิบัติตนที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคเกาต์ เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านอาหาร และเครื่องดื่ม การรักษาโรคร่วมและปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การรักษาโดยการใช้ยา
- ผู้ป่วยบางรายแพทย์อาจพิจารณาการใช้ยาร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาให้ดียิ่งขึ้น สำหรับการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยโรคเกาต์นั้น
- ควรที่จะงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- หลีกเลี่ยงอาหารประเภทเครื่องในสัตว์ เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ไส้
- ลดเครื่องดื่มที่มีรสหวาน เช่น น้ำผลไม้ น้ำอัดลม น้ำหวาน
- หยุดนวด ทายา ประคบร้อนหรือเย็น บริเวณที่มีอาการอักเสบของข้อ
- แนะนำให้รักษาโรคร่วมที่เป็นอยู่ เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง ภาวะอ้วน
- รับประทานยาลดกรดยูริก และยาป้องกันเกาต์กำเริบอย่างต่อเนื่อง การขาดยาอาจทำให้โรคกำเริบ
- ตรวจระดับกรดยูริกในเลือด และพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
ย้ำอีกครั้ง คนที่เป็นโรคเกาต์ ควรเลี่ยงอาหารที่มี พิวรีนสูง ซึ่ง ไก่ อยู่ในกลุ่มเนื้อสัตว์ที่มีค่า พิวรีน กลาง ๆ ค่อนไปทางน้อยด้วยซ้ำ ไม่ได้เยอะอะไรมากมาย ไก่ จึงไม่ใช่อาหารหลักที่ควรหลีกเลี่ยง แต่ที่ควรหลีกเลี่ยง คือ เครื่องในสัตว์ และพวก หอย เนื้อแดง ที่มีพิวรีนสูง ดังนั้น ถ้าอยากเลี่ยงอาหารที่มีพิวรีนสูง เลี่ยง กุ้ง หอย เครื่องใน ไข่ปลา กับพวกเนื้อแดง และผักพวกที่เป็นยอดผัก เช่น กระถิน ชะอม ยอดตำลึง งดเหล้า งดเบียร์ ส่วนไก่กินได้ตามปรกติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง