สั่งเด้ง “ผู้การเรือหลวงชลบุรี” เซ่นปืนลั่นใส่ “เรือหลวงคีรีรัฐ” พร้อมแจงเหตุละเอียดยิบ

สั่งเด้ง "ผู้การเรือหลวงชลบุรี" เซ่นปืนลั่นใส่ "เรือหลวงคีรีรัฐ" พร้อมแจงเหตุละเอียดยิบ

สั่งเด้ง “ผู้การเรือหลวงชลบุรี” เซ่นปืนลั่นใส่ “เรือหลวงคีรีรัฐ” พร้อมแจงเหตุละเอียดยิบ

วันที่ 19 มีนาคม 2567 เวลา 15:00 น. พลเรือเอก ชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธานการแถลงข่าว ชึ้แจงข้อเท็จจริง กรณี ปืนขนาด 76/62 มิลลิเมตร ออโตเมลารา ของ เรือหลวงชลบุรี เกิดอุบัติเหตุลั่น โดนเรือหลวงคีรีรัฐ โดยมี พลเรือตรี เฉลิมชัย สวนแก้ว ผู้บัญชาการกองเรือตรวจอ่าว ร่วมแถลงข่าว ณ สโมสร นายทหารสัญญาบัตรกองเรือยุทธการ อ่าวดงตาล อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

ผู้บัญชาการกองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ เปิดเผยว่าเมื่อ วันที่ 13 มีนาคม 2567 เวลา 06:30 น. เรือหลวงชลบุรี ได้ออกเรือเพื่อทำการฝึกยิงปืนในทะเล บริเวณเกาะริ้น ระหว่างฝึกยิงปืนนั้น ปืนเรือได้มีการขัดข้องจำนวน 2 ครั้ง โดยช่างปืนของเรือหลวงชลบุรี สามารถแก้ไขการขัดข้อง และสามารถทำการยิงต่อไปได้ โดยระหว่างการฝึกยิงปืนรอบสุดท้าย ไม่สามารถฝึกยิงลูกปืนจนหมดตามแผนได้ เนื่องจากสนามฝึกยิงปืนไม่ปลอดภัย จึงเดินทางกลับมาจอดเรือที่ฐานทัพเรือสัตหีบ โดย ช่างปืนของทางเรือ ได้ดำเนินการถอดถอนลูกปืนออกจากระบบบรรจุของปืน แต่ไม่สามารถถอดถอนลูกปืนที่เหลืออีก 3 นัด ออกจากระบบบรรจุของปืนได้ เนื่องจากระบบมีอาการขัดข้อง ทางเรือจึงขอรับการสนับสนุนช่างปืนจากกรมสรรพาวุธทหารเรือ มาดำเนินการถอดถอน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย โดยขณะนั้น ลูกปืนจำนวนดังกล่าวยังอยู่ในระบบบรรจุ ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะเคลื่อนตัวเข้ารังเพลิงที่จะเสี่ยงต่อการลั่นของปืน และเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ตามระเบียบความปลอดภัยในการฝึกยิงปืนในเรือของกองเรือยุทธการ โดยดำเนินการกระดกปืนไว้ที่มุม 40 องศา ซึ่งเป็นมุมที่ปลอดภัยและถือว่าเป็นการปฏิบัติตามหลักการนิรภัย

ต่อมาในวันที่ 14 มีนาคม 2567 เวลา 10:00 น. ช่างปืนจากกรมสรรพาวุธทหารเรือ จำนวน 4 นาย เดินทางมาถึงเรือหลวงชลบุรี และดำเนินการถอดถอนลูกปืนที่อยู่ในระบบบรรจุของปืน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและแก้ไขปืนเรือให้เข้าสู่สภาวะปกติ โดยได้ตรวจสอบ และดำเนินการแก้ไขข้อขัดข้องตามขั้นตอน ซึ่งในระหว่างที่แก้ไขข้อขัดข้องอยู่นั้น ลูกกระสุนที่อยู่ในรางบรรจุได้เลื่อนเข้าไปในลำกล้อง และเกิดอุบัติเหตุปืนลั่น โดน เรือหลวงคีรีรัฐ จนเกิดเหตุเพลิงไหม้บริเวณท้ายเรือ

 

สั่งเด้ง ผู้การเรือหลวงชลบุรี

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จากการสอบสวน เจ้าหน้าที่กรมสรรพาวุธทหารเรือทราบว่า ตรวจพบลูกปืนหนึ่งนัด อยู่ในถาดบรรจุ และอีกสองนัดอยู่บนพลูป้อนลูกปืน และมีลองลูกปืน (ปลอกกระสุนที่ยิงออกไปแล้ว) ถูกขัดอยู่บริเวณนิรภัยลองเปล่า ทำให้ลำกล้องปืนไม่เลื่อนเข้าไปสู่สภาวะปกติ

เนื่องจากปืนอยู่ในสถานะปลอดภัย ลูกปืนไม่อยู่ในสถานะพร้อมยิง มีกลไลนิรภัยที่จะห้ามไก มิให้ปืนลั่น ช่างสรรพาวุธ จึงมีแนวคิดในการถอนลองลูกปืนที่ค้างก่อน เพื่อให้ปืนเคลื่อนที่ไปข้างหน้าช้า ๆ โดยวิธีการที่จะถอนลูกปืนออกจากตัวปืนได้ จะต้องเลื่อนถาดบรรจุลูกปืนที่ค้างในถาดบรรจุนัดแรกลงมาในแนวเดียวกับรังเพลิง แล้วถอนลูกปืนจากตำแหน่งด้านหน้ารังเพลิง ซึ่งวิธีนี้ ลูกปืนจะยังไม่ถูกบรรจุเข้ารังเพลิง อันจะเป็นอันตรายได้ หลังจากนั้นก็จะดำเนินการเดียวกันกับลูกปืนที่ค้างในนัดที่ 2 และ 3 ตามลำดับต่อไป

แต่ในระหว่างที่ เจ้าหน้าที่กรมสรรพาวุธทหารเรือเริ่มดําเนินการซ่อมทํา โดยทำการเลื่อนกระบอกปืนมายังตำแหน่งถอนลูกปืน และปลดนิรภัยลองเปล่า เพื่อให้ปืนกลับเข้าที่ข้างหน้าเพื่อถอนลูกปืน ปืนเกิดอาการกลับเข้าที่ข้างหน้าอย่างรุนแรง ทําให้ลูกปืนที่อยู่บนถาดบรรจุถูกผลักเข้าไปในรังเพลิง และลูกเลื่อน เลื่อนปิดทันทีที่ลูกปืนถูกรุณเข้ารังเพลิง และลูกปืนนัดนั้น ลั่นออกจากปืน ตามกลไกปกติของปืน ถึงแม้ลูกปืนเข้าไปในรังเพลิง แต่ปืนจะไม่ลั่นออกไป เนื่องจากมีเครื่องนิรภัยการลั่นไก เป็นตัวป้องกันมิให้มีการยิงออกไป อีกทั้งขณะนั้นไม่มีการเดินระบบไฟฟ้าเข้ามาในระบบ จึงไม่มีโอกาสที่จะระบบไฟฟ้าจะส่งผลให้การทำงานของระบบปืนผิดพลาด อีกทั้ง ระบบนิรภัยการลั่นไกมีการทำงานหลายชั้น จึงสรุปได้ว่า สิ่งนี้ไม่น่าจะเกิด แต่มีอุบัติเหตุที่เกิดจากความปกติของเครื่องนิรภัยการลั่นไก

ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการกล่าวว่า จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความเสียหาย บริเวณท้ายเรือของเรือหลวงคีรีรัฐทำให้เกิดความเสียหายจำนวนสี่ห้องบริเวผู้ท้ายเรือ คือ ห้องใต้ป้อมปืนขนาด 40 มม. ห้องครัว ห้องเสมียนช่างกล และห้องน้ำนายทหาร ซึ่งไม่มีอุปกรณ์สำคัญของเรือได้รับความเสียหายแต่อย่างใด เรือหลวงคีรีรัฐ ยังคงมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการ โดยกองเรือยุทธการ ได้ประสานให้กรมอู่ทหารเรือ เข้ามาตรวจสอบ เพื่อดำเนินการซ่อมทำให้อยู่ในสภาพเดิมต่อไป

ในส่วนของการช่วยเหลือเยียวยาผู้บาดเจ็บนั้น ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กล่าวว่า อุบัติเหตุในครั้งนี้ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมจำนวน 14 นาย ส่วนใหญ่เกิดจากการสำลักควันไฟและลมร้อนที่เข้าไปในระบบหายใจ ส่วนน้อยมีอาการแสบตาเคืองตาและมีแผลเล็กน้อยที่ผิวหนัง ทั้ง 14 นายได้เข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ปัจจุบันกลุ่มผู้บาดเจ็บเล็กน้อยจำนวน 9 นาย ได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ส่วนกลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บที่ต้องการการเฝ้าระวัง จำนวน 5 นาย โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจร่วมกับการทำการรักษาด้วยเครื่องปรับความดันบรรยากาศสูงหรือแชมเบอร์ เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้กับผู้ได้รับบาดเจ็บในระบบทางเดินหายใจ โดยปัจจุบันทุกนายมีอาการดีขึ้นตามลำดับ ยังคงเหลือผู้ป่วยที่ยังอยู่ห้อง ICU จำนวน 2 นาย ทั้งนี้ ผู้ป่่วยดังกล่าว ยังคงได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์เฉพาะทางและได้รับการตรวจรักษาจนกว่าจะหายเป็นปกติ

ในส่วนของการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บนอกจากการรักษาพยาบาลแล้วกองทัพเรือยังได้มีการช่วยเหลือเยียวยาโดยได้มอบเงินสวัสดิการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุที่ทรัพย์สินเสียหายให้กับทุกคน นอกจากนั้นทางกองเรือยุทธการและกองเรือฟริเกตที่ 1 ซึ่งเป็นกองเรือต้นสังกัดของเรือหลวงคีรีรัฐ ได้มีการบำรุงขวัญให้แก่กำลังพลประจำเรือ 111 นาย ซึ่งเป็นเรื่องที่กองทัพเรือให้ความสำคัญ และให้ความเร่งด่วนในการช่วยเหลือเยียวยา

ในส่วนของ ผู้รับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้บัญชาการกองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ กล่าวว่า กองเรือตรวจอ่าว ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดของเรือหลวงชลบุรี ไม่ได้มีการปล่อยปละละเลยในการปฎิบัติหน้าที่ปัจจุบันทางกองกองเรือตรวจอ่าว ได้ลงคำสั่งให้ผู้บังคับการเรือหลวงชลบุรีมาช่วยราชการที่ กองบัญชาการกองเรือตรวจอ่าว แล้ว โดยจะมีการสอบสวนผู้บังคับการเรือ และผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งหากมีความผิดพลาดก็จะมีการพิจารณาโทษ โดยไม่มีการช่วยเหลือแต่อย่างใด

 

 

ทั้งนี้ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า กองทัพเรือมีการดำเนินการเป็นมาตรฐาน ตามขั้นตอน ซึ่งในขั้นตอนแรก คือการสอบสวนหาข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบหมายให้กองเรือยุทธการ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและทำการสอบสวน ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ภายใน 3 วันตามที่ผู้บัญชาการทหารเรือสั่งการ สิ่งที่ได้จากขั้นตอนนี้ คือ สาเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งกองเรือยุทธการ ได้จัดทำรายงานผลการสอบสวนนำเรียนผู้บัญชาการทหารเรือแล้ว จะเห็นได้ว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มีปัจจัยที่เกิดขึ้นทั้งในเรื่องขององค์วัตถุและองค์บุคคล ซึ่งกองทัพเรือไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้หน่วยเกี่ยวข้องต่าง ๆ ดำเนินการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องและทบทวนขั้นตอนการปฏิบัติ และหากพบว่ามีการกระทำผิดในขั้นตอนใด ๆ จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายขึ้น จะพิจารณาลงโทษต่อไป รวมทั้งดำเนิน การทบทวนมาตรการและขั้นตอนปฏิบัติ เพื่อมิให้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น