“นักโทษ 3 นิ้ว” หายซ่าทันที โดนขาใหญ่ประเคนแข้ง หลังทำแอ็คไม่เคารพเพลงสรรเสริญ

“นักโทษ 3 นิ้ว” หายซ่าทันที โดนขาใหญ่ประเคนแข้ง หลังทำแอ็คไม่เคารพเพลงสรรเสริญ

“นักโทษ 3 นิ้ว” หายซ่าทันที โดนขาใหญ่ประเคนแข้ง หลังทำแอ็คไม่เคารพเพลงสรรเสริญ  Top News รายงาน 

 

นักโทษ 3 นิ้ว

ข่าวที่น่าสนใจ

เกิดเหตุระทึกขึ้นกลางเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อมีนักโทษ 3 นิ้ว ถูกผู้ต้องขังร่วมห้องเตะเข้าที่หน้า หงายเงิบอย่างจัง เนื่องจากทนไม่ไหวแล้วที่นักโทษ3นิ้ว รายนี้ ไม่ยอมยืนเคารพ เพลงสรรเสริญพระบารมี

โดยเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา ทนายความได้เดินทางไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเข้าเยี่ยม อารีฟ วีรภาพ นักโทษคดี 112 วัย 21 ปี และได้รับแจ้งว่า ถูกทำร้ายร่างกายในห้องขัง โดยเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 18.00 น. เรือนจำเปิดเพลงสรรเสริญกันตามปกติ วีรภาพที่เพิ่งย้ายมาอยู่ห้องขังนี้ ระหว่างกักกันโรค ได้ทำการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการไม่ลุกขึ้นยืนเคารพ ระหว่างที่เรือนจำเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นมีนักโทษร่วมห้องขังเข้ามาจู่โจม เตะเข้าที่บริเวณใบหน้าของวีรภาพ แต่วีรภาพหันหน้าหลบทัน จึงถูกเตะใส่ที่บริเวณลำคอแทน โดยหลังจากนั้น วีรภาพไม่ได้ตอบโต้กลับแต่อย่างใด

การแสดงออกของวีรภาพ เป็นหนึ่งในแคมเปญ ยืนหยุดขังหลังเพลงสรรเสริญ เป็นเวลา 112 นาที ของนักโทษ3นิ้ว ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งดำเนินมาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.67 และยังคงมีการแสดงออกอยู่เรื่อย ๆ ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

 

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 ก.ย.66 ศาลอาญา รัชดาฯ นัดฟังคำพิพากษาคดีของ วีรภาพ จากกลุ่มทะลุแก๊ซ ผู้ต้องหาคดี “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ “ร่วมกันชุมนุมมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 จากการพ่นสีสเปรย์ข้อความว่า “ควรปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ บริเวณแยกดินแดง ระหว่างการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ก.ย.64

 

 

ศาลอาญาคำพิพากษาว่า วีรภาพมีความผิดตามมาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา ก่อนศาลอาญาส่งคำร้องขอประกันตัว ไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ทำให้วีรภาพถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทันที

 

 

คดีนี้ วีรภาพถูกฟ้องใน 5 ข้อกล่าวหา โดยยืนยันให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ช่วงเช้าของวันพิจารณคดี “วีรภาพ” พร้อมภรรยาและลูกชายวัย 8 เดือน ได้เดินทางมาศาล นอกจากนี้ยังมีผู้รับมอบฉันทะทนายความ รวมทั้งเจ้าหน้าที่องค์กรสิทธิมนุษยชน และสื่อมวลชน ร่วมเข้าฟังการพิจารณาคดีด้วย

 

 

เวลา 10.00 น. ศาลออกนั่งพิจารณา ก่อนอ่านคำพิพากษาโดยสรุปว่า พิเคราะห์จากพยานหลักฐานของโจทก์แล้ว เห็นว่ามีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 ปาก ที่เบิกความ ให้รายละเอียดถึงเหตุการณ์การชุมนุมโดยละเอียด เป็นขั้นตอนน่าเชื่อถือ ซึ่งพยานโจทก์ทั้ง 3 เป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำตามหน้าที่ ไม่ได้มีสาเหตุโกรธเคืองจำเลย จึงไม่มีเหตุให้เบิกความใส่ร้ายจำเลย

 

 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่สืบสวนที่ได้จัดทำรายงานอย่างละเอียด ได้ติดตามสืบสวนจำเลยอย่างใกล้ชิด พบว่าก่อนหน้านี้ จำเลยเคยเขาร่วมชุมนุม และขึ้นปราศรัย 2-3 ครั้ง และเห็นจำเลยปรากฏตัวในที่ชุมนุม เข้าร่วมชุมนุม พ่นสีสเปรย์ข้อความเรียกร้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ พร้อมข้อความหยาบคายต่อท้าย

 

 

เมื่อดูจากคลิปวิดีโอที่เป็นพยานหลักฐาน แม้จะไม่เห็นด้านหน้าของจำเลยขณะพ่นสีสเปรย์ แต่หากเปรียบเทียบจากรูปพรรณสัณฐานของจำเลย กับคลิปวิดิโอดังกล่าว จะพบว่า มีลักษณะใกล้เคียงกัน จึงน่าเชื่อว่าเป็นจำเลยที่เข้าร่วมชุมนุม และพ่นสีในที่เกิดเหตุจริง คำเบิกความของโจทก์ที่บอกว่า เห็นจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด จึงมีน้ำหนักรับฟังได้

 

 

ในประเด็นเรื่องข้อความเรียกร้องการปฎิรูปสถาบันกษัตริย์ ศาลเห็นว่าคำว่าปฏิรูปสถาบันฯ นั้น เป็นคำแสดงความคิดเห็นโดยทั่วไป แต่เมื่อพิจารณาถึงคำไม่สุภาพที่พ่นต่อท้าย พบว่าเป็นคำสบถ หยาบคาย เจตนาว่าร้ายพระมหากษัตริย์ ประชาชนทั่วไปสามารถพบข้อความดังกล่าวได้ ทำให้เกิดความเกลียดชัง และสร้างความเสื่อมเสียต่อในหลวงรัชกาลที่ 10 อีกทั้งพิจารณาจากคำเบิกความของจำเลย จำเลยได้อ้างตนเป็นพยานเพียงคนเดียว ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า จำเลยไม่ได้อยู่ในที่ชุมนุมตามที่กล่าวหา เป็นเพียงการเบิกความลอยๆ ไม่อาจรับฟังได้ การกระทำของจำเลย เป็นความผิดหลายกรรม แต่เนื่องจากอัยการไม่ได้บรรยายฟ้องว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายบท ศาลไม่สามารถพิพากษาเกินคำขอได้ จึงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นบทหนักสุด จำคุก 3 ปี

 

 

ภายหลังการอ่านคำพิพากษา วีรภาพได้บอกลาภรรยา และอุ้มลูกของตัวเอง ก่อนเดินออกจากห้องพิจารณา โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้คล้องกุญแจมือ พาลงไปห้องเวรชี้ ขณะที่ทนายความ และนายประกันได้ยื่นคำร้องขอประกันตัว ต่อมาศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว เพราะเกรงว่าจะหลบหนี ปัจจุบันวีรภาพ หรือ อารีฟ ถูกคุมขังระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษารวม 174 วันแล้ว

 

 

สำหรับ “วีรภาพ” เป็นชาวกรุงเทพฯ อายุ 21 ปี เคยประกอบอาชีพขายเสื้อผ้ามือสอง แต่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จนต้องปิดร้าน และเริ่มเกิดความสนใจทางการเมือง โดยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองในช่วงปี 63 และ 64 ปัจจุบันมีภรรยาและลูกชายวัย 8 เดือน โดยวีรภาพยืนยันว่า แม้จะโดนคดี 112 แต่ก็จะเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไป อ้างว่า อยากให้ลูกชายที่เกิดมา เติบโตในสภาพบ้านเมืองที่เป็นปกติ และอยู่ในระบอบประชาธิปไตย

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“แม่สามารถ” เครียดจัด ผูกคอคาห้องขังดีเอสไอ จนท.ช่วยระทึก ห่วงลูกจะอดข้าวประท้วง ขอความเป็นธรรม
เคราะห์ร้าย ! หนุ่มวัย 18 ปี ขี่จยย. ถูกกันสาดหล่นใส่หัวเจ็บสาหัส
ยูเครนลั่นไม่ทำลายทุ่นระเบิดอ้างถูกรัสเซียรุกราน
ผบ.ตร.สั่งตรวจสอบดำเนินคดี “กลุ่มน้ำไม่อาบ” ทุกมิติ พร้อมเอาผิดตามหลักฐานคลิปที่ปรากฏ
ขุนเขา ‘ฮว่าซาน’ ่ของจีนสวยสะกดยามห่มหิมะขาว
ทหารพรานจัดกำลังตรวจค้นเก็บกู้บ่วงดักสัตว์ป่า
ผลักดัน ! แรงงานต่างด้าวมากกว่า 100 ราย ออกนอกประเทศ หวั่นเกรงมาสร้างความวุ่นวายในพื้นที่
เมืองคอนน้ำท่วมหนักหลายพื้นที่ หากผลไม่หยุดตกคืนนี้ตัวเมืองอ่วมอรทัยแน่นอน-ในเบื้องต้นนายอำเภอ,นายกเล็กฯจับมือศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมงสมาคมสื่อมวลชนและชมรมรถจิ๊ปลุยช่วยชาวบ้านแล้ว-เรียกร้องเจ้าพนักงานที่ดินเด้งตรวจสอบนายทุนถมลำคลองปิดกั้นทางน้ำว่าออกโฉนดที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
โซเชียลถามกลับ “พรรคส้ม” รู้ยังมีทหารไว้ทำไม? หลังเกิดเหตุการณ์ "กลุ่มว้าแดงและทหารไทย"
ผบ.สอ.รฝ.ประดับเครื่องหมายเลื่อนยศ นักรบต่อสู้อากาศยาน 46 นาย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น