จากกรณี Facebook ชื่อชานนท์ ผลชู ได้โพสต์ข้อความว่า “ พ่อแม่อยู่บ้านลูกร้อนเงินเอาบ้านมาแอบขายขายบ้านเสร็จลูกหนีหายทิ้งพ่อแม่แม่ป่วยติดเตียงพ่อทำงานรับจ้างอยู่กันสองตายายไม่ย้ายออกขอยอมตายที่นี่ผมกับน้อง…ซื้อเข้ารีโนเวทดอกเบี้ยเดือนละ 2 หมื่นกว่าจะครบปีละจ่ายดอกไป 2แสนบาทก็เห็นใจลุงกับป้าจะสงสารใครก่อนดีการเจรจาครั้งสุดท้าย!!!กับข้อเสนอ”หาบ้านเช่าให้และจ่ายค่าเช่าให้ล่วงหน้า 1 ปี พร้อมช่วยดูแลการขนย้ายให้ฟรี”หากไม่รับเงื่อนไขคงต้อง”รอคำสั่งศาล”เท่านั้นครับ #บ้านมือสองเชียงใหม่ ” พร้อมกับรูปภาพที่กำลังยืนอยู่หน้าบ้านโดยคนชรายืนอยู่เมื่อเช้าเน็ตได้อ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำเอาสงสารผู้ที่เป็นพ่อกับแม่ที่นอนอยู่ในบ้านและป่วยด้วยวัยชราจนชาวเน็ตแห่แชร์เรื่องราวออกไปเป็นจำนวนมาก
ข่าวที่น่าสนใจ
ต่อมาวันนี้ 22 มีนาคม 2567 เวลา 16.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนายชานนท์ ผลชู อายุ 40 ปี เจ้าของโพสต์และเป็นเจ้าของบ้านคนใหม่โดยได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าตนมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยซื้อบ้านมือสองแล้วรีโนเวทขายต่อแต่บ้านหลังดังกล่าวมีการติดต่อซื้อขายกันตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 ซึ่งตอนนั้นที่ไปดูบ้านตนก็ไปเจอลูกชายของเจ้าของบ้านผู้ที่ติดต่อเข้ามาขายและมีการดูบ้านกัน ทีแรกเข้าไปดูภายในก็เห็นมีแม่อายุประมาณ 70 ปีป่วยติดเตียงนอนอยู่ในบ้านและผู้เป็นพ่อป่วยเป็นเท้าแสนปมอายุก็เราราว 70 ปีเหมือนกันและในบ้านยังเลี้ยงหมาสายพันธุ์ดุตนจึงขอออกมาคุยนอกบ้านเนื่องจากตนดูรอบรอบแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมากจากนั้นจึงตกลงซื้อขายกันภายในราคา 1,600,000 บาทหลังจากมีการซื้อขายกันเรียบร้อยทางลูกของเจ้าของบ้าน ก็ได้มีการห้ามสัญญาว่าขออยู่ในการรอขนย้ายและไปบ้านใหม่สองสัปดาห์จากนั้นตนก็อาจเห็นว่ามีผู้ป่วยจึงให้ระยะเวลาในการขนย้ายและย้ายบ้านกันจนผ่านไปเดือนแล้วเดือนเล่า ที่ตนผ่านเข้ามาดูตนก็เห็นตากับยายอยู่กันสองคนเมื่อติดต่อไปทางลูกก็ได้คำตอบว่ากำลังจะย้ายขอเวลาถึงสิ้นเดือนจนผ่านมาจะครบรอบหนึ่งปีตนมีการสอบถามมาโดยตลอดและตอนนี้ทางลูกชายก็มีการบล็อคช่องทางการติดต่อทุกอย่างทำให้ตนไม่สามารถติดต่อได้ทิ้งพ่อกับแม่ไว้อยู่ที่บ้านตนเป็นคนอื่นตนเห็นแล้วยังสงสารเลยได้เงินไปแล้วทำไมทิ้งพ่อกับแม่ไว้แบบนี้
จากนั้นตนจึงได้ประสานไปยังผู้ใหญ่บ้าน ให้เข้ามาช่วยดูและมีการเจรจาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็มีการพูดคุยและตกลงกันว่าตนเสนอทางออกให้โดยการหาห้องเช่าใหม่โดยจะจ่ายห้องเช่าให้ล่วงหน้าหนึ่งปีโดยที่ตนเป็นคนจ่ายให้เองทั้งหมดแต่พอถึงเวลาขนย้ายออกจากบ้านตากับยายก็เปลี่ยนคำไม่ยอมออกจากบ้านทำให้ตนก็ลำบากใจจะใช้กฎหมายก็กลัวจะหาว่าไปรังแกคนแก่แต่เงินตนก็จ่ายไป แล้ว 1,600,000 บาทและลูกชายก็เอาเงินไปแต่ทิ้งพ่อกับแม่ไว้แบบนี้ตอนนี้ต้นก็ลำบากเหมือนกันเพราะตนต้องรีโนเวทบ้านเพื่อขายต่ออีกทีตอนนี้เงินมาจมอยู่ ตรงนี้ก็ 1,600,000 บาทแล้วต้นอยากให้ลูกชายเข้ามาติดต่อและติดต่อเข้ามาหาเพื่อหาทางออกร่วมกันตอนนี้ยังเข้าสู่ขบวนการของกฎหมายแต่ถ้าให้เวลาแล้วยังมาตนก็คงต้องใช้กฎหมายเข้ามาบังคับเพราะตนให้เวลามากกว่าหนึ่งปีแล้ว
วิศาล แสงเจริญ ผู้สื่อข่าว ประจำ จ.ชลบุรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-