“แอน จักรพงษ์” โต้เดือด พร้อมแจ้งเอาผิดคู่กรณีคืน 4 ข้อหา

คืบหน้าล่าสุด วันนี้ ( 23 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.10 น. แอน จักรพงษ์ ได้จัดแถลงการณ์ด่วน ผ่านช่องทางโซเชียลฯ ของ บริษัท เจเอเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยระบุว่าจะดำเนินการฟ้องกลับ บริษัท ทีซีจี โซเชียลมีเดีย จำกัด ในข้อหา 1. ฟ้องเท็จ 2. แจ้งความเท็จ 3.เบิกความและใช้พยานหลักฐานเท็จ และ 4.นำเครื่องหมายการค้าไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งข้อหาที่4 นี้จะมีการฟ้องทั้งทางแพ่งและอาญา ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

โดย แอน จักรพงษ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ บริษัท ทีซีจี โซเชียลมีเดีย จำกัด ได้เข้ามาร่วมหุ้น บริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอร์เรจ จำกัด โดยการซื้อหุ้นต่อจากพาร์ทเนอร์เดิม 40 % ก่อนจะส่งตัวแทนเข้ามาพูดคุยกับตนเอง เพื่อของเป็นร่วมธุรกิจเกี่ยวกับ MU Coin (เหรียญจักรวาล) แต่เนื่องจาตนและบริษัทดังกล่าวไม่เคยรู้จักกันเป็นส่วนตัวมาก่อน จึงเสนอให้มีการทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) เพื่อจะได้มีการศึกษาข้อมูลซึ่งกันและกันก่อนที่จะร่วมธุรกิจ โดยเอกสารดังกล่าวมีความยาว 2 หน้า ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายตกลงว่า เนื้อหาที่ระบุในเอกสาร ไม่มีผลผูกพันทั้งคู่ ในลักษณะร่วมธุรกิจ ไม่ได้มีการชำระเงินค่าลิขสิทธิ์ใดๆ และข้อมูลทั้งหมดที่ปรากฏในเอกสารดังกล่าวต้องเป็นความลับ ห้ามนำไปเผยแพรต่อสาธารณชน จนกว่าจะได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย แต่ปรากฏว่า ต่อมาทางบริษัทคู่กรณีได้นำเอาลายเซ็นและเอกสารดังกล่าวไปแอบอ้างและเปิดตัวในประเทศฟิลิปปินส์ว่า เป็นหนึ่งในองค์กรและนำไปใช้แอบอ้างในหลายประเทศ ส่งผลกระทบต่อบริษัทของตนอย่างมาก

เนื่องจาก เอกสารดังกล่าว ได้ระบุชัดเจนว่า เราเป็นบริษัทมหาชน การที่จะเข้าเป็นผู้ร่วมในธุรกิจของมิสยูนิเวอร์ส จะต้องผ่านความเห็นชอบและได้รับการอนุมัติ จากบอร์ดทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นการแอบอ้างนำเครื่องหมายการค้า ของมิสยูนิเวอร์ส ไปใช้ฟรี ๆ จึงได้ออกมาชี้แจงให้ทั่วโลกทราบว่า คู่กรณีไม่ได้เกี่ยวข้องกับองค์กรแต่อย่างใดและเราเป็นผู้เสียหาย สร้างความโกรธแค้นให้คู่กรณี จึงเป็นที่มาของการฟ้องร้องดำเนินคดีกับตนและกรรมการบริษัทบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ทั้งทางแพ่งและอาญา ซึ่งเป็นการกลั่นแกล้งให้ได้รับความเสียหาย

แอนจักรพงษ์ ยังกล่าวต่อไปว่า ตนได้ทราบว่า คู่กรณีได้ฟ้องร้องตนและกรรมการทั้ง 4 เป็นคดีแพ่ง ซึ่งเกี่ยวเนื่องด้วยคดีอาญา และเรียกค่าเสียหายถึง 1,000 ล้านบาท ซึ่งศาลแพ่งได้กำหนดให้วางเงินค่าธรรมเนียมศาล แต่ตั้งแต่เดือนพ.ย. 66 จนถึงขณะนี้ ผ่านไปร่วม 6 เดือน คู่กรณีก็ยังไม่มีการวางเงินดังกล่าว ศาลจึงยังไม่ได้มีการประทับลับฟ้องคดีไว้พิจารณาแต่อย่างใด

ในส่วนของคดีอาญา ซึ่งคู่กรณีได้ฟ้องร้องตนเองและกรรมการบริษัทฯ 4 ราย ข้อหายักยอกทรัพย์ เป็นเครื่องใช้สแตนเลสและชั้นวางรองเท้าซึ่งมีมูลค่า 44000 บาท ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคือบริษัท เอ็มเอ็น เบฟเวอร์เรจ ฯ นี้เป็นการร่วมทุนระหว่างเจเคเอ็น ซึ่งถือหุ้นอยู่ 60% และ คู่กรณี 40 % แต่ที่ผ่านมา ทางเจเคเอ็น ได้ให้ทางบริษัทกู้ยืมไปแล้ว 50 ล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุน โดยที่คู่กรณีไม่เคยควักแม้แต่บาทเดียวจึงไม่มีเหตุใดที่จะต้องยักยอกทรัพย์ตามที่ถูกกล่าวหา

วันนี้ ตนและทีมงาน จำเป็นต้อง มอบหมายให้ทนายความ ไปแจ้งความดำเนินคดีกลับกับบริษัทคู่กรณี 4 ข้อหา ในข้อหา 1.แจ้งความเท็จ ,2.ฟ้องเท็จ ,3.เบิกความและใช้พยานหลักฐานเท็จ, และ4. นำเครื่องหมายการค้าไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อให้คู่กรณีได้สำนึกว่า คุณเสียหายเพราะตัวคุณเอง เพราะความไม่สุจริตของคุณเอง ที่พูดไม่ใช่เรื่องท้าทาย และเอาเป็นเอาตายกัน แต่เมื่อถูกกลั่นแกล้ง เราต้องออกมาปกป้องตัวเองเพราะเป็นคนค้าขายไม่ใช่ค้าความ ก่อนหน้านี้ได้มีการชี้แจงผ่านสื่อไปแล้วและคิดว่าคู่กรณีจะเข้าใจและเข้ามาพูดคุยกันให้จบด้วยดี แต่เมื่อเหตุการณ์กลับเป็นเช่นนี้ วันนี้จึงต้องดำเนินคดีเท่านั้น