จับตา "จักรภพ" กลับบ้านพรุ่งนี้ งานใหญ่สู้คดี ร่วมภารกิจฟื้นเพื่อไทย
ข่าวที่น่าสนใจ
วันนี้ ( 27 มี.ค.) ได้มีความเคลื่อนไหวเฟซบุ๊ก จักรภพ เพ็ญแข-Jakrapob Penkair ของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์และนักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ ชื่อดังระดับประเทศ รวมถึงยังเคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช และ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร แต่ภายหลังหลบหนีคดีไปต่างประเทศ โดยการโพสต์ภาพขณะนั่งจิบกาแฟ พร้อมข้อความ “พฤ.28 มี.ค. 67 เวลา 07.35 น. กลับไปรับใช้เมืองไทยครับ”
จากก่อนหน้านั้น นายจักรภพ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ตั้งแต่วันนี้คือ 18 มีนาคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป ผมขอพักเขียนบทความวิเคราะห์ข่าวไปสักช่วงหนึ่งนะครับ เหตุผลก็เพราะกำลังจะมีภารกิจที่ไม่สะดวกในการรับข่าวสารกิจการโลก และผมก็ไม่พร้อมเขียนแนวอื่นในตอนนี้ จึงต้องขออภัยทุก ๆ ท่าน และขอบพระคุณที่ท่านมีแก่ใจอ่านงานเขียนของผมเรื่อยมา ขอทิ้งท้ายว่า โลกของเรากำลังเปลี่ยนผันในทุกทิศทุกทาง ประเทศไทยต้องคิดหยุดต่อสู้กันเองในบ้านและปรับความคิด-ยุทธศาสตร์ทุกมิติเพื่อรับมือได้แล้ว จากนี้ไปสังกัดสีไหนก็ประสบปัญหาอย่างเดียวกัน ความคลั่งชาติไม่ช่วยชาติเท่ากับความเข้าใจและความหวังดีที่มีต่อชาติ และสงครามใด ๆ ก็ทิ้งซากแห่งความเสียหายไว้มากกว่าผลสัมฤทธิ์เสมอ”
โดยโพสต์การส่งสัญญาณกลับไทย ได้มีผู้เข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก เช่น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ระบุ “ขอให้ท่านจักรภพ เดินทางโดยสวัสดิภาพครับ” , ดร.ณัฐวุฒิ รุ่งวงษ์ “ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ” หรือ บางคน แสดงความเห็นว่า “ตามผลงานตั้งแต่ยังเป็นลูกศิษย์อ.พิชัย วาสนาส่ง” และ “ท่านกลับมาต้องถูกดำเนินคดีหรือไม่”
อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบพบว่า แม้ที่ผ่านมา นายจักรภพ เคยถูกแจ้งความเอาผิดในคดีอาญามาตรา 112 จากการกล่าวบรรยายเรื่อง ประชาธิปไตยกับระบบอุปถัมภ์ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550 แต่ต่อมาอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องในความผิดดังกล่าว
ส่วนข้อกล่าวหาฐานเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร มีอาวุธปืนสงคราม วัตถุระเบิด เครื่องยุทธภัณฑ์และ ฯลฯ ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ครอบครองโดยผิดกฎหมายได้ โดยการร้องทุกข์กล่าวโทษของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ในขณะนั้น) เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2560 และมีการออกหมายจับบุคคลเกี่ยวข้อง ประกอบด้วย นายจักรภพ เพ็ญแข , นายมนัส หรือ พลโท มนัส เปาริก (เสธ. หยอย) อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 , นายจักรินทร์ เรืองศักดิ์วิชิต หรือ เสธ. ไก่ , นายชัยวัฒน์ ผลโพธิ์ หรือ เปี๊ยก กาละเม และนายสมเจตน์ หรือ สน คงวัฒนะ
ปรากฎว่า เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ศาอาญา ได้อ่านคำพิพากษายกฟ้อง ความผิดของ พล.ท.มนัส ในคดีดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า พยานหลักฐานของโจทก์ยังรับฟังไม่ได้ และในการตั้งข้อหาของเจ้าหน้าที่เป็นเพียงการนำคำซัดทอดของผู้ต้องหารายอื่นที่ว่าอาวุธมีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งยังรับฟังไม่ได้
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้จับตาว่า การกลับประเทศไทยของ นายจักรภพ นอกเหนือจะมีเหตุสำคัญเพื่อมาต่อสู้คดี ซึ่งมีโอกาสสูงที่จะหลุดพ้นข้อกล่าวหา ตามทิศทางดียวกับ พล.ท.มนัส หรือ เสธ.หยอย ที่ศาลอาญา พิจารณาสั่งยกฟ้องแล้ว ยังเป็นไปได้สูงที่จะมาช่วยงานการเมืองพรรคเพื่อไทย ซึ่งปัจจุบันมีภารกิจสำคัญ ๆ มากมายในการกลับมาเป็นพรรรคการเมืองยิ่งใหญ่เหมือนในอดีต
สำหรับ “จักรภพ เพ็ญแข” ศึกษาจบระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ เมื่อจบปริญญาตรี ได้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ที่วิทยาลัยระหว่างประเทศศึกษาชั้นสูงพอล เอช. นิทซ์ (SAIS) มหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ สหรัฐอเมริกา ต่อมาได้รับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ทูต กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และลาออกมาทำหน้าที่สื่อมวลชน ผ่านบทบาทนักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ และเป็นผู้เปลี่ยนแปลงการบริหารงานสถานีโทรทัศน์แห่งชาติของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จากเดิมคือ Television of Thailand (Channel 11) ไปสู่ National Broadcasting Services of Thailand
ข่าวที่เกี่ยวข้อง