"พท."หักเหลี่ยมฝ่ายค้านหั่นเวลาถล่มรัฐบาลเหลือ18 ชม.เพิ่มเวลา "รมต." ชี้แจงโต้ตอบ - "ภูมิใจไทย" ไม่หวั่น "ก้าวไกล" โจมตีพร้อมงัดหลักฐานมาหักล้าง
ข่าวที่น่าสนใจ
“พท.”หักเหลี่ยมฝ่ายค้านหั่นเวลาถล่มรัฐบาลเหลือ18 ชม.เพิ่มเวลา “รมต.” ชี้แจงโต้ตอบ
“ผมมองว่าฝ่ายรัฐบาลอย่างน้อยต้องได้เวลา 10 ชม.ขึ้นไป ฝ่ายค้านก็ต้องลดลงมาจาก 22 ชม. อาจจะเหลือ 18 ชม. ก็ถือว่ามากกว่ากันเท่าตัว ฉะนั้น การอภิปรายก็เพื่อให้มีการตอบให้ประชาชนหายข้องใจ เพราะถ้าฝ่ายค้านเอาเวลาไป 22 ชม. แล้วให้รัฐบาล 4-6 ชม. ก็ไม่ได้ และเมื่อหักเวลาประท้วงแล้ว รัฐบาลก็ได้ไม่น่าจะเกิน 4 ชม. ซึ่งจะทำให้รัฐบาลไม่สามารถตอบได้ทุกประเด็นที่ฝ่ายค้านถาม” นายวิสุทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าวิปรัฐบาลจะยืนยันหรือไม่ว่าเวลาของฝ่ายค้านเหลือ 18 ชม. ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า เราให้โอกาสโดยจะให้มาเจรจากันในวันที่ 2 เม.ย. ถ้าฝ่ายค้านไม่มา เราถือว่าเราก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับรัฐบาลด้วย ไม่ใช่จะต้องเอาใจแต่ฝ่ายค้านอย่างเดียว เพราะเมื่อกล่าวหาแล้วก็ต้องมีการชี้แจง ดังนั้น เวลาคงไม่ลดจากนี้ และการอภิปรายครั้งนี้ก็ควรจะให้เวลาที่เป็นไปได้ และเชื่อว่ารัฐบาลพร้อมตอบทุกกระทรวง ไม่น่ามีปัญหาอะไร และเห็นว่าความยุติธรรมจะต้องเกิดขึ้นต้องแต่เบื้องต้นยืนยันว่าฝ่ายค้านต้องให้โอกาสรัฐบาลชี้แจงข้อเท็จจริง จะไปกลัวทำไม อย่าไปกลัว อย่างไรก็ตามเรื่องปรับเวลาไม่เกี่ยวกับปัญหาที่ถกเถียงกันในที่ประชุมสภา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะตนไม่ได้เอามาเป็นประเด็น เพราะในวันที่คุณไม่รักษาสัญญา ตนไม่ได้ว่าอะไร ให้โอกาส ให้อภัย
เมื่อถามว่ามีโอกาสที่จะขยายเวลาอภิปรายเพิ่มในวันที่ 5 เม.ย. หรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีการขยายเวลาอภิปราย เพราะทุกครั้งที่มีการอภิปรายมาตรา 152 ตอนที่พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน เราก็ได้เวลาเพียง 2 วัน ดังนั้นครั้งนี้ถือว่าพอสมควรแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า ไม่อยากให้รัฐบาลโดนด่าฟรีใช่หรือไม่ ถึงไม่อยากขยายเวลา นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าเป็นความยุติธรรมให้รัฐบาลมีโอกาสชี้แจงการถูกกล่าวหาให้ครบถ้วนทุกอย่าง จะได้กระจ่างชัด ดังนั้น ฝ่ายค้านอย่ากลัวการตอบของรัฐบาล
เมื่อถามถึงกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุว่าถ้าอภิปรายพาดพิงถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะมีการฟ้องร้อง นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เราอย่าไปมองอย่างอื่น ขอให้มองข้อบังคับการประชุมเป็นหลัก ที่ผ่านมาในอดีตทุกสมัย การกล่าวถึงบุคคลภายนอกโดยไม่จำเป็น เป็นหน้าที่ของประธานสภาที่จะต้องตักเตือน แต่ถ้าไม่เชื่อฟัง ยังกล่าวถึงบุคคลภายนอก ซึ่งไม่ใช่เฉพาะนายทักษิณ ไม่ว่าใครก็ตาม เขาไม่มีโอกาสมาชี้แจงในสภา ก็เป็นเรื่องปกติที่เขาต้องใช้สิทธิ์ทางกฎหมายฟ้องร้องดำเนินคดี
อย่างไรก็ตามวิปรัฐบาลคงไม่ต้องมีการตั้งองครักษ์ เพราะสส.ของพรรคร่วมรัฐบาลที่สนใจและดูข้อบังคับเป็น เขาคงทำหน้าที่ได้ แต่หากอภิปรายไม่เกินเลย เขาคงไม่ว่าอะไร ดังนั้น ขอให้ฝ่ายค้านอภิปรายโดยยึดข้อบังคับเป็นหลัก
“ภูมิใจไทย” ไม่หวั่น “ก้าวไกล” โจมตีพร้อมงัดหลักฐานมาหักล้าง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ฝ่ายค้านขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 เพื่อซักถามข้อเท็จจริงและถามตอบรัฐมนตรีในสภาฯ วันที่ 3 – 4 เม.ย.นี้ ว่า การที่ฝ่ายค้านตั้งมติว่า “รัฐบาลเพื่อใคร ประชาชนไม่ได้อะไร” ว่า ต่างคนต่างมีแนวคิด ฝ่ายค้านจะมาเชียร์รัฐบาลก็ไม่ใช่ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีคำว่า ทำอะไรเพื่อตัวเอง ต้องทำให้กับประชาชน รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ได้อยู่ที่ประชาชน ถ้ารัฐบาลไม่ทำงานก็ไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนอยู่รอดได้ หากคิดถึงประโยชน์เป็นหลัก ไม่นึกประชาชน จอดทุกราย
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านจะมีข้อมูลเด็ดทำลายรัฐบาลได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ฝ่ายค้านชุดนี้โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล เป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ ทั้งบุคลากร หาข้อมูลอภิปรายให้ประชาชนได้รับทราบ ถือว่าทำงานอย่างเต็มที่ ในส่วนของรัฐบาลถ่าถูกกล่าวหา ต้องหาข้อมูลมาหักล้าง การทำงานตรงไปตรงมา โปร่งใส ไม่มีวาระซ่อนเร้น เราพร้อมที่จะตอบชี้แจงประชาชน อย่างสมัยรัฐบาลชุดที่แล้ว ตนเป็น รมว.สาธารณสุข ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ในการหาข้อมูลต่างๆ เรื่องของวัคซีน เราก็นำข้อมูลมาแก้ต่าง ประชาชนก็รับทราบว่า สิ่งที่รัฐบาลทำเหมาะสม ควรแก่เหตุทุกอย่าง ประชาชนเข้าใจ การอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อมีการลงมติ รัฐบาลยุคนั้นก็สามารถผ่านการไว้วางใจจากตัวแทนของประชาชน เป็นกติกาที่เราต้องยึดถือ
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า สำหรับรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคภูมิใจไทย พร้อมชี้แจงทุกอย่าง ไม่ใช่แค่เฉพาะพรรคเรา แต่เป็นทั้งรัฐบาล หากฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิงใคร มีความจำเป็นที่ต้องชี้แจงแก้ไข อย่างกระทรวงมหาดไทยเราจะใช้วิธีการให้เกิดความชัดเจน รัฐมนตรีจะตอบในเชิงนโยบาย แต่หากฝ่ายค้านต้องการข้อมูลหรือว่ามีการกล่าวหาจากข้อมูล เราก็จะมีผู้บริหารกระทรวงคอยชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ เพื่อหักล้างข้อกล่าวหา แต่ละรัฐมนตรีก็ต้องตอบเป็นหลักในเชิงนโยบาย ประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด ได้รับทราบจากเจตนารมย์ของรัฐบาล รวมทั้งข้อมูล ไม่มีอะไรปิดบังเปิดเผยหมด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง