"ไบโพลาร์" ไม่ใช่เรื่องตลก รู้จักเข้าใจและรับมืออย่างถูกวิธี เช็คสัญญาณเตือนก่อนจะสาย แม้รักษาได้แต่ไม่หายขาด กลับมาเป็นซ้ำได้ถึงร้อยละ 80 - 90
ข่าวที่น่าสนใจ
“ไบโพลาร์” ?
โรคอารมณ์สองขั้ว หรือที่เรามักเรียกกันทั่วไปว่า ไบ โพ ลาร์ (Bipolar Disorder) สาเหตุสำคัญเกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง หรืออาจเกิดจากพันธุกรรม หรือสาเหตุอื่น ๆ เช่น ความเครียด สารเสพติด การเลี้ยงดู เป็นต้น โดยผู้ป่วยจะมีอาการซึมเศร้า สลับอารมณ์ดีผิดปกติ ราวกับเป็นคนละคน ต่อเนื่องกันยาวนานกว่า 1 สัปดาห์ แบ่งเป็น
- โรค ไบ โพ ลาร์ วัน (Bipolar I) เป็นกลุ่มอาการที่ผู้ป่วยนั้นมีสภาวะอารมณ์ดีอย่างผิดปกติ หรือ แมเนีย (Mania) สลับกับช่วงซึมเศร้า (Depressed) หรือบางรายอาจมีอาการ แมเนีย เพียงอย่างเดียวก็ได้ โดยในกลุ่มนี้อาการ แมเนีย จะชัดเจน
- โรค ไบ โพ ลาร์ ทู (Bipolar II) เป็นกลุ่มอาการที่ผู้ป่วยนั้นมีสภาวะอารมณ์ซึมเศร้า (Depressed) สลับกับสภาวะอารมณ์ดีอย่างไม่รุนแรง (Hypomania) หลายครั้งอาจเข้าใจผิดว่าเป็นโรคซึมเศร้าเพราะมีอารมณ์เศร้าที่คล้ายคลึงกัน
- โรคไซโคลโทมิก (Cyclothymic disorder) หรือโรคอารมณ์หมุนเวียน เป็นโรคที่มีอาการระหว่างภาวะซึมเศร้า (Depressed) และอารมณ์ดีอย่างไม่รุนแรง (Hypomania) โดยมีอาการเป็นจำนวนมาก แต่ไม่รุนแรง
- กลุ่มโรค ไบ โพ ลาร์ อื่น ๆ โดยผู้ป่วยกลุ่มนี้ มักมีอาการแสดงของภาวะอารมณ์แปรปรวนผิดปกติ แต่ไม่เข้าเกณฑ์การวินิจฉัยของ ไบโพลาร์วัน ไบโพลาร์ทู และไซโคลโทมิก ซึ่งการวินิจฉัยโรคนี้ จะต้องให้จิตแพทย์เป็นผู้วินิจฉัย
เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย?
ผู้ป่วยโรค ไบ โพ ลาร์ จะเกิดการแบ่งอารมณ์เป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจน ได้แก่ ขั้วอารมณ์คึกคัก (Mania) หรืออารมณ์ดีผิดปกติ และขั้วซึมเศร้า (Depress) โดยระยะเวลาในการแสดงอาการของแต่ละขั้วอาจยาวนานหลายวัน หรืออาจยาวนานหลายสัปดาห์
อารมณ์ของผู้ป่วย ไบ โพ ลาร์ จะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นช่วง ๆ บางคนอาจมีอารมณ์คึกคักก่อน แล้วจึงมีอาการแบบซึมเศร้าขึ้นมา หรืออาจจะสลับกับอาการปกติต่อเนื่องกันไป โดยอารมณ์ดีผิดปกติ อาทิ
- คึกคัก มีกำลังวังชา
- ไม่ยอมหลับ
- พูดมาก
- หงุดหงิดง่าย
- เชื่อมั่นในตัวเองสูง
- ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
- มีอารมณ์ทางเพศสูง
ส่วนอารมณ์เศร้าผิดปกติ ได้แก่
- เศร้า หดหู่
- ไม่อยากพบใคร
- ไม่อยากทำอะไร
- คิดช้า ไม่มีสมาธิ
- คิดลบ
- คิดสั้น เป็นต้น
สัญญาณเตือน?
โรค “ไบโพลาร์” เป็นโรคที่คนรอบข้างต้องทำความเข้าใจกับผู้ป่วย หากสังเกตอาการของคนรอบข้างว่ามีแนวโน้มที่เสี่ยงเป็นโรคดังกล่าว ควรเข้ารับการปรึกษาและรักษาอย่างเหมาะสมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ให้คำแนะนำถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณอาจกำลังเสี่ยงเป็น ไบ โพ ลาร์ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากอาการเหล่านี้
- มีปัญหาในการทำงานให้สำเร็จ
- มีอาการต่าง ๆ ของโรคซึมเศร้าแทรกซ้อนของโรคไบโพลาร์
- พูดเร็ว
- หงุดหงิดง่ายในบางกรณี
- ใช้ยาเสพติดหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- อารมณ์ดีมากเกินไป หรือที่เรียกว่า ไฮเปอร์
- นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
- มีพฤติกรรมที่สม่ำเสมอ ไม่คิดหน้าคิดหลัง
วิธีรับมือ Bipolar ?
วันนี้เราได้รวบรวมวิธีคุยกับคนเป็น ไบ โพ ลาร์ มาไว้แล้ว เชื่อว่าหากได้นำวิธีที่แนะนำไปปรับใช้กับแนวทางการสื่อสารของตนเอง จะสามารถอยู่ร่วมกับคนเป็น ไบ โพ ลาร์ ได้อย่างเข้าใจและมีความสุขได้ ดังนี้
- ไม่ว่าจะช่วงซึมเศร้าหรือช่วงอารมณ์ดีผิดปกติ หลาย ๆ ครั้ง ผู้ป่วยก็อาจจำเป็นต้องมีคนข้าง ๆ คอยช่วยเหลือ เราจึงควรบอกว่า ฉันอยู่ข้าง ๆ และพร้อมที่จะช่วยเหลือเธอนะ
- หลายครั้งผู้ป่วยมักเกิดการด้อยค่าและโทษตนเองถึงสิ่งที่เป็นอยู่ เราสามารถอยู่ร่วมโดยเข้าใจและบอกกลับไปว่า มันไม่ใช่ความผิดของเธอนะ
- ถามและพูดคุยในเรื่องของอาการ จะช่วยให้ผู้ป่วยได้ทบทวนตนเอง เช่น ช่วงเวลาไหนที่เธอมักจะอารมณ์เศร้า และเธอจัดการอารมณ์ยังไง หรือ เวลาที่ความคิดแล่นเข้ามาในหัวจนเยอะไปหมด เธอจัดระเบียบความคิดอย่างไร เป็นต้น
- ฉันยังเป็นเพื่อนเธอเหมือนเดิมนะ นี่คืออีก 1 วิธีสื่อสารกับคนที่เป็น ไบ โพ ลาร์ เพราะหลายคนจะหลีกเลี่ยงพูดคุย หรือตีตัวออกห่างไม่อยากอยู่ร่วม จนทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าแย่
- หลีกเลี่ยงคำว่า ฉันเข้าใจนะ แม้วิธีพูดกับคนเป็น ไบ โพ ลาร์ นี้อาจดูเหมือนเป็นคำที่ดี แต่ก็ไม่เสมอไป ผู้ป่วย ไบ โพ ลาร์ อาจเข้าใจผิด ให้ลองพูดว่า ฉันอยากเข้าใจนะ ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม
- สะท้อนในสิ่งที่เขาเป็นและประสบอยู่ เช่น ฉันเห็นนะว่าสำหรับเธอมันคงยากลำบากมาก ๆ แบบนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจว่าเรานั้นสามารถรับรู้ได้ถึงความยากลำบากของเขาโดยไม่เป็นการตัดสิน หรือตีความจากความเชื่อของตัวเราเอง
- ชื่นชมในสิ่งที่ดีของเขา ไม่ว่าจะเป็นการที่เขานั้นไปหาคุณหมอและทานยาอย่างสม่ำเสมอ มีการพัฒนาในการจัดการอารมณ์ที่ดีขึ้น การที่เราชื่นชมในส่วนที่เขาทำได้ดี ก็จะเป็นกำลังใจที่ดีมาก ๆ สำหรับเขา
การรักษา?
ในปัจจุบัน โรค ไบ โพ ลาร์ สามารถรักษาได้ แม้ว่าจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ 100% แต่ผู้ป่วย ไบ โพ ลาร์ ที่รับการรักษา สามารถกลับมาใช้ชีวิต ทำกิจวัตรประจำวัน ทำงาน ได้เหมือนกับคนทั่วไป โดยการรักษาจะแบ่งออกเป็น
- การรักษาด้วยยา เพื่อปรับสารสื่อประสาทในสมองของผู้ป่วยกลับสู่สภาวะปกติ
- การบำบัดทางด้านสังคมจิตใจ รับการปรึกษาและการทำจิตบำบัด
- คนรอบข้างช่วยกันดูแล และทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและการรับการรักษา
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วย ไบ โพ ลาร์ ที่เข้ารับการรักษา จะต้องปฏิบัติตามแผนการรักษาของแพทย์อย่างเคร่งครัด รับประทานยาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน คนรอบข้างก็ต้องทำความเข้าใจและให้การดูแลอย่างใกล้ชิด หลีกเลี่ยงปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นให้อาการกำเริบ เพราะโรค ไบ โพ ลาร์ สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ถึงร้อยละ 80 – 90 โดยมีปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้น ได้แก่ เหตุการณ์สะเทือนใจ เหตุการณ์พลิกผันในชีวิต ภาวะเครียด และการใช้สารเสพติด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง