ทำเนียบขาวของสหรัฐ ออกแถลงการณ์เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ต่อสายพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที โดยการคุยครั้งนี้ เป็นการคุยหลังจากที่อิสราเอลโจมตีเจ้าหน้าที่อาสาสมัครด้านมนุษยธรรม 7 รายจากหลายประเทศ ขององค์กรการกุศลเวิลด์ เซ็นทรัล คิทเช่น (WCK) จนเสียชีวิต และผ่านมาแล้ว 3 วัน ซึ่งเรื่องนี้ ได้นำความโกรธเคืองและความผิดหวังมาสู่ไบเดนเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ไบเดนได้ตำหนิถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ไม่อาจยอมรับได้ พร้อมทั้งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นที่อิสราเอล จะต้องประกาศและดำเนินการที่เป็นขั้นตอนจริงจัง เพื่อจัดการกับอันตรายของพลเรือน, ความทุกข์ยากด้านมนุษยธรรม, การขนส่งอาหารที่มากขึ้น, และความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ขององค์กรต่างๆ นอกจากนี้ ไบเดนยังเน้นย้ำว่า การหยุดยิงทันทีเป็นสิ่งจำเป็น รวมถึงเร่งเนทันยาฮู ให้มอบอำนาจแก่ผู้เจรจาของเขา ในการสรุปข้อตกลงกับกลุ่มฮามาส เพื่อนำตัวประกันกลับบ้านอย่างเร็วที่สุด
อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวได้ระบุต่อว่า แม้จะมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น แต่จุดยืนของสหรัฐในการสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารในปัจจุบันของอิสราเอล ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง การพูดคุยคือการปรับข้อข้องใจของประธานาธิบดี ขณะที่อิสราเอลก็ระบุว่า พวกเขาจะปรับยุทธวิธีในสงครามฉนวนกาซา หลังความผิดพลาดอย่างรุนแรงได้เกิดขึ้น และผลการสอบสวนจะถูกเปิดเผยสู่สาธารณะในเร็วๆ นี้
ขณะเดียวกัน ทางด้านของนายแอนโทนี่ บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ ก็ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าว ในระหว่างไปร่วมงานครบรอบ 75 ปีของนาโต ที่เบลเยี่ยมว่า อิสราเอลในฐานะประเทศประชาธิปไตย ต้องให้ความสำคัญกับชีวิตมนุษย์อย่างสูงสุด และเพิ่มการไหลเวียนความช่วยเหลือไปยังฉนวนกาซาด้วย การโจมตีบุคลากรของ WCK จะต้องให้เป็นเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายเท่านั้น ตอนนี้ ไม่มีลำดับความสำคัญไหนในฉนวนกาซา มากไปกว่าการปกป้องพลเรือน และการมีความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการรับรองความปลอดภัยด้วย ทั้งนี้ หากสหรัฐไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของอิสราเอล กับการปกป้องพลเรือนในฉนวนกาซา สหรัฐก็จะมีการเปลี่ยนแปลงในนโยบายของสหรัฐเอง