กระทรวงกลาโหมของอิสราเอลออกแถลงการณ์ หลังจากที่นายโยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล จัดการประชุมประเมินสถานการณ์ของการปฏิบัติการ กับเจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยข่าวกรองอาวุโส โดยคำแถลงระบุว่า อิสราเอลพร้อมสำหรับสถานการณ์ใดๆก็ตาม ที่อาจเกิดขึ้น เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับอิหร่าน ขณะที่กัลแลนท์ก็ออกมากล่าวในเวลาต่อมาว่า ได้มีการเตรียมการระบบป้องกันภัยไว้เรียบร้อยแล้ว สำหรับการตอบสนองทุกสถานการณ์กับอิหร่าน
ขณะเดียวกัน ทางด้านของนายยาห์ยา ราฮิม ซาฟาวี ที่ปรึกษาอาวุโสของอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ก็ได้ออกมากล่าวว่า สถานทูตของระบอบไซออนิสต์ (หรืออิสราเอล) ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป การต้องเผชิญหน้ากับอิสราเอล ได้ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว นอกจากนี้ สำนักข่าวของอิหร่านก็ได้มีการเผยแพร่ภาพกราฟฟิก ที่แสดงให้เห็นว่า ขณะนี้อิหร่าน มีขีปนาวุธอยู่ 9 แบบ ที่สามารถโจมตีอิสราเอลได้ ทั้งนี้ การโจมตีที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมด ถือเป็นการตอบสนองต่อเหตุการณ์เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว ที่อิสราเอลทำการโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในซีเรีย จนทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต
อย่างไรก็ดี สื่อของอิหร่านได้มีการรายงานถึงความเห็นของนักวิจารณ์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยนายเฮชมาตุลเลาะห์ ฟาลาฮัตปิเชห์ อดีตประธานคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติและนโยบายต่างประเทศของรัฐสภาอิหร่าน ได้ออกคำเตือนว่า อิหร่านไม่ควรสร้างความรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม ประเทศไม่ควรทำผิดพลาดเชิงกลยุทธ์ ในขณะที่กำลังอยู่อย่างโดดเดี่ยว ดังนั้น ในขณะที่ประเทศกำลังเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการป้องกันนั้น อิหร่านก็ไม่ควรตกหลุมพราง และการยุยงปลุกปั่นที่สร้างขึ้นมาโดย นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล
ด้านนายเราะห์มาน กาห์เรมันปูร์ นักวิจารณ์ในอิหร่านก็กล่าวว่า อิหร่านถือได้ว่ากำลังถูกโดดเดี่ยวในภูมิภาคนี้ และการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในซีเรีย ถือเป็นการยั่วยุกับการดึงอิหร่าน ไปเข้าสู่สงครามที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ก็อยากเห็นอิหร่านเข้าไปพัวพันกับสงคราม ที่จะทำลายอำนาจทางทหาร และทำให้อิหร่านอ่อนแอลงด้วย
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ข่าวเอนเตคาบของอิหร่าน ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดของประเทศ ได้รายงานว่า อิหร่านมีทางเลือก 4 ทางให้เลือก ในการตัดสินใจว่า จะตอบสนองต่ออิสราเอลอย่างไร โดยทางที่ 1 คือการใช้ขีปนาวุธและโดรน กำหนดเป้าหมายไปที่ทหาร และโครงสร้างต่างๆของอิสราเอล, ทางเลือกที่ 2 คือลักษณะตีต่อตา โดยอิหร่านตั้งเป้าไปที่ภารกิจทางการทูตของอิสราเอล ในประเทศใดประเทศหนึ่งของภูมิภาค ซึ่งถือเป็นการตอบสนองตามที่เคยเผชิญ, ทางเลือกที่ 3 คือ อิหร่านอาศัยความสามารถในการปฏิบัติการ และพลังโดรนของกลุ่มตัวแทนระดับภูมิภาค ดำเนินการโจมตีฐานทัพทหาร และศูนย์กลางสำคัญของอิสราเอลอย่างตรงเป้าหมาย จนทำให้เกิดผลกระทบหนัก, และทางเลือกที่ 4 คือ อิหร่านไม่ตอบสนองในแบบทันที เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้บานปลายในระดับภูมิภาค แต่เข้าร่วมในสงครามที่บั่นทอนความเชื่อถือของอิสราเอล พร้อมทั้งยังคงรักษาอำนาจทางการทหารของตัวเองเอาไว้ต่อไป