นายกรัฐมนตรีอันวาร์ ผู้ไม่เคยประหยัดถ้อยคำและแสดงจุดยืนแบบชัดเจนในสถานการณ์ตะวันออกกลาง ล่าสุด แสดงความเห็นกรณีอิหร่านส่งโดรนและยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การแสดงออกของอิหร่าน มีความชอบธรรม เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลถล่มสถานกงสุลของอิหร่านในกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรียอย่าง “ป่าเถื่อน” และขัดกฎหมายระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 1 เมษายน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต รวม 16 คน จำนวนนี้รวมถึงนายทหารจากกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม 7 คน แต่ขณะเดียวกัน รัฐบาลมาเลเซียยินดีที่รัฐบาลเตหะราน ให้คำมั่นว่า จะไม่โจมตีอีกหากอีกฝ่ายไม่ตอบโต้คืน
แถลงการณ์ผู้นำมาเลเซีย ระบุด้วยว่า ขอร่วมกับโลกอารยะทั้งหมด เรียกร้องอิสราเอล ไม่กระทำซ้ำเติมสถานการณ์ที่ตึงเครียดมากอยู่แล้ว และมีสัญญาณชัดเจนว่า ประชาคมโลกไม่ปรารถนาจะเห็นสถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก
อันวาร์ ออกแถลงการณ์หลังจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดประชุมนัดพิเศษ เมื่อวันที่ 15 เมษายน เพื่อหารือสถานการณ์ตะวันออกกลาง ผู้นำมาเลเซีย กล่าวว่า เศรษฐกิจมาเลเซียได้รับผลกระทบในวงจำกัด ตลาดหุ้นเปิดปรับตัวลดลงเล็กน้อยเท่านั้นซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกับทั้งภูมิภาค อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมาเลเซียจะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด และดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อรับประกันความมั่นคง และความผาสุกของประชาชน
ทั้งนี้ มาเลเซียไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล และยังคงมีความสัมพันธ์กับฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส ซึ่งอันวาร์ เคยย้ำระหว่างไปเยือนเยอรมนีเมื่อเดือนที่แล้วว่า การที่มาเลเซียยังคงการติดต่อกับฝ่ายการเมืองของฮามาส ไม่ใช่เรื่องที่ต้องขอโทษ และขอให้ทุกฝ่ายทำความเข้าใจรากเหง้าของปัญหาที่เป็นชนวนสงครามทุกวันนี้ เหตุการณ์เมื่อ 7 ตุลาคม ไม่ใช่จุดเริ่มและจุดจบ การเข่นฆ่า ปล้นชิงและการยึดทรัพย์สินของชาวปาเลสไตน์เกิดขึ้นมานานหลายทศวรรษแล้ว
ภาพปก Facebook/Anwar Ibrahim