X

ทำความรู้จัก ว่าที่นายกฯ คนที่4 ของสิงคโปร์

สิงคโปร์ ทำความรู้จัก ว่าที่นายกฯคนที่ 4

การส่งไม้ต่อทางการเมืองในสิงคโปร์ ที่ผ่านการเตรียมการอย่างเป็นแบบแผนเป็นขั้นเป็นตอน มาถึงการเคาะวันที่ชัดเจนแล้วว่า กลางเดือนหน้า 15 พฤษภาคม “ลอเรนซ์ หว่อง” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง วัย 51 ปี จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 4 ของประเทศ หลังจากนายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง ประกาศจะลงจากตำแหน่งที่นั่งมานาน 20 ปีในวันเดียวกัน

เรามาทำความรู้จักกับ ลอว์เรนซ์ หว่อง ว่าเป็นใครมาจากไหน ก่อนมานั่งตำแหน่งผู้นำประเทศที่มีค่าตอบแทนติดอันดับสูงที่สุดในโลก ปีละ 2.2 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 59 ล้านบาท

ในวัยเด็ก ลอเรนซ์ หว่อง เติบโตในครอบครัวที่เขาจำกัดความว่า เป็นครอบครอบธรรมดา ในโครงการ “มารีน พาเหรด” โครงการที่อยู่อาศัยแห่งแรกที่สร้างบนที่ดินจากการถมทะเล คุณพ่อของหว่องที่จากไปเมื่อสองปีก่อน เกิดบนเกาะไห่หนานของจีน ก่อนอพยพมาที่เมืองอิโปห์ ประเทศมาเลเซีย พอเรียนจบมัธยมก็ย้ายมาทำงานเป็นเซลส์แมนที่สิงคโปร์ และแต่งงานกับคุณแม่ของหว่อง ซึ่งเป็นครู หว่องเข้าเรียนในโรงเรียนที่คุณแม่สอน และเล่าให้ฟังว่า คุณแม่เฮี๊ยบทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน แต่เป็นการปลูกฝังสำนึกรับผิดชอบให้กับเขาอย่างแรงกล้า เมื่อลงมือทำอะไรแล้ว ต้องมุ่งมั่นทำให้เต็มที่ เด็กชายหว่องเป็นหนอนหนังสือมากกว่าเล่นกีฬา ว่างเมื่อไหร่ก็มักจะไปยืมหนังสือแนววิทยาศาสตร์มาอ่าน และฝึกกีตาร์

ปูมหลังด้านการศึกษา หว่องได้ทุนรัฐบาลไปศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกา คว้าปริญญาตรีและปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย วิสคอนซิน-แมดิสัน และมหาวิทยาลัย มิชิแกน- แอนน์ อาร์เบอร์ ปริญญาโทด้านรัฐประศาสนศาสตร์ จากฮาร์วาร์ด เคนเนดี สกูล

ก่อนมาเล่นการเมือง หว่องรับราชการนานถึง 14 ปี ตั้งแต่เรียนจบจากต่างประเทศกลับมาบ้าน
ก็เริ่มงานที่กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม ในปี 2540 จากนั้น ขยับไปรับอีกหลายตำแหน่งที่กระทรวงการคลังและกระทรวงสาธารณสุข

ในปี 2548-2551 หว่องมีโอกาสได้ทำหน้าที่เลขานุการส่วนตัวให้กับนายกรัฐมนตรีลี เซียน ลุง บทบาทนี้เองที่เป็นการปูพื้นสู่เส้นทางการเมือง

ปี 2552 หว่องได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บริหารสำนักงานตลาดพลังงาน

จากนั้นสองปีก็มาลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยถูกจับตามองตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่า น่าจะเป็นหนึ่งในแคนดิเดตผู้นำรุ่นที่ 4 ของพรรคกิจประชา หรือ PAP ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล

สมัยรับราชการ หว่องเป็นที่รู้จักเรื่องการคิดนโยบาย และสนใจรายละเอียดปลีกย่อยของนโยบาย เพื่อนร่วมงาน พูดถึงหว่องว่า เป็นคนที่มักเปิดรับฟังมุมมองแตกต่างอยู่เสมอ เมื่อถึงเวลา ก็กล้าตัดสินใจ เขาเคยปัดข้อเสนอจากภาคเอกชนที่อยากได้ตัวไปร่วมงาน เพราะคิดว่างานราชการ ทำให้เขาได้ทำโครงการแปลกใหม่ และยังได้คิดโครงการช่วยเหลือชาวสิงคโปร์ได้

หลังชนะเลือกตั้งเป็น ส.ส.ในปี 2554 ได้เพียงสองสัปดาห์ หว่องชิมลางตำแหน่งการเมืองที่รัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีด้านการศึกษาและกลาโหม หลังจากนั้น ผ่านงานมากมายหลายกระทรวง รวมถึงกระทรวงวัฒนธรรม ชุมชนและเยาวชน และกระทรวงพัฒนาแห่งชาติ

ปี 2563 เป็นปีที่ลอวเรนซ์ หว่อง ฉายแวว จากบทบาทรองประธานคณะทำงานเฉพาะกิจระหว่างกระทรวง รับมือกับโควิด-19 แพร่ระบาด สิงคโปร์เป็นประเทศหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมโรค และมีอัตราผู้เสียชีวิตระดับต่ำ หว่องเป็นคนที่ออกมาแถลงข่าวเป็นประจำและชาวสิงคโปร์ได้รู้จักเขามากขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น

เมื่อนาย เฮง สวี เกียต รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังสิงคโปร์ วัย 60 ที่เดิมถูกวางตัวเป็นผู้นำรุ่นที่ 4 ถอนตัว ในเดือนเมษายน 2564 โดยให้เหตุผลด้านอายุ นักสังเกตการณ์การเมือง จับตาไปที่หว่อง โดยมองว่า ความเป็นผู้นำในช่วงรับมือโควิด การอธิบายนโยบายให้ประชาชนเข้าใจได้ชัดเจน และเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วน ทำให้เขาอยู่ในสถานะที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำรุ่นต่อไปได้

เมื่อมีการปรับคณะรัฐมนตรี หว่อง ที่ตอนนั้นเป็นรัฐมนตรีศึกษา ถูกโยกมารับตำแหน่งรัฐมนตรีคลังต่อจากนายเฮง นั่นเป็นสัญญาณแรกว่า เขาคือตัวเก็งในตำแหน่งผู้นำคนต่อไป และมาชัดเจนเมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำทีมแกนนำรุ่นใหม่ที่เรียกกันว่า 4G ของพรรค PAP ตามด้วยการนั่งรองนายกฯอีกตำแหน่ง ก็ถือเป็นการยืนยันในชั้นสุดท้าย ว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะไม่หนีจาก ลอว์เรนซ์ หว่อง แค่รอว่าจะขึ้นรับตำแหน่งเมื่อไหร่เท่านั้น

อีกงานที่โดดเด่นของหว่อง คือการเป็นผู้นำจัดทำแผนงานวิสัยทัศน์ “ฟอร์เวิร์ด สิงคโปร์” (Forward Singapore) โร้ดแมปอนาคตของประเทศที่เขากับทีม 4G ของพรรคฯ จะนำพาไป โดยสำรวจความเห็นและความต้องการของประชาชนกว่า 2 แสนคน จากทุกภาคส่วน เป็นเวลา 16 เดือน ก่อนออกมาเป็นรายงานความยาว 180 หน้าเมื่อตุลาคมปีที่แล้ว

ความชื่นชอบส่วนตัวของว่าที่ผู้นำใหม่ของสิงคโปร์ คือเล่นกีตาร์และขี่มอเตอร์ไซค์ หว่อง ฟังเพลงร็อค โซล และบลูส์ เครื่องดนตรีตัวโปรดและผูกพันก็คือ กีตาร์ เพราะพ่อให้กีตาร์ตัวแรกตอน 8 ขวบ สมัยเด็กชอบไปยืมหนังสือฝึกเล่นกีตาร์จากห้องสมุดในละแวกบ้าน ตอนได้ทุนไปเรียนในสหรัฐ ยังนำไปด้วย

สำหรับชีวิตครอบครัวไม่มีรายละเอียดมากนัก นอกจากสมรสกับ คุณ หลู จือ หลุ่ย ซึ่งเธอก็เป็นคนที่รักเสียงเพลงและเล่นกีตาร์เก่งคนหนึ่ง ทั้งสองไม่มีลูก

#บก.ทีวี

อัปเดตรายการ TOPNEWS

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น