หลังจากที่สหรัฐผ่านร่างกฎหมายแพคเกจ 95,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือด้านการทหารของอิสราเอล ยูเครน ไต้หวัน และแบนติ๊กต๊อก โดยในส่วนของอิสราเอลนั้น ได้ไป 26,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เรื่องนี้ทำให้ปาเลสไตน์และฮามาสไม่พอใจ และออกมาประณามการตัดสินใจนี้ของสหรัฐ
นายนาบิล อาบู รูดีเนห์ โฆษกของประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส แห่งปาเลสไตน์ได้ออกแถลงการณ์ในทันทีระบุว่า ชุดความช่วยเหลือดังกล่าว เป็นการยกระดับที่เป็นอันตราย และเป็นการกระทำที่ก้าวร้าวต่อชาวปาเลสไตน์ การสนับสนุนดังกล่าวทำให้อิสราเอลมีไฟเขียวในการขยายสงครามทั่วทั้งภูมิภาค และบ่อนทำลายแนวโน้มเสถียรภาพในระดับภูมิภาคและระดับโลกด้วย
ด้านอับบาส ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าววาฟา สื่อของปาเลสไตน์ว่า สหรัฐสนับสนุนอิสราเอลในการรุกรานชาวปาเลสไตน์ ด้วยการมอบอาวุธและเงินทุนแก่อิสราเอล สิ่งนี้จะไม่นำความมั่นคงและสันติภาพมาสู่ใครเลย จุดยืนที่ไม่เป็นมิตรของสหรัฐ ได้ก่อให้เกิดความโกรธแค้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหมู่ชาวปาเลสไตน์และประชาชนในภูมิภาคนี้ และอาจผลักดันภูมิภาคนี้ไปสู่ความไม่มั่นคง และความสับสนวุ่นวายต่อไป
อับบาสยังระบุถึงกรณีที่สหรัฐ ใช้สิทธิ์ยับยั้งข้อมติขององค์การสหประชาชาติ ที่สนับสนุนการเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบสำหรับปาเลสไตน์ว่า การกระทำของสหรัฐน่าผิดหวัง น่าเสียใจ ขาดความรับผิดชอบ และไม่ยุติธรรม มันเป็นการรุกรานอย่างโจ่งแจ้งต่อสิทธิของชาวปาเลสไตน์ และเป็นความท้าทายต่อเจตจำนงของประชาคมระหว่างประเทศ ปาเลสไตน์จะพิจารณาความสัมพันธ์ทวิภาคีกับสหรัฐอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่า ประชาชนได้รับการคุ้มครองผลประโยชน์
อับบาสได้เน้นย้ำว่า มีเพียงวิธีแก้ปัญหาที่ยุติธรรมสำหรับปัญหาปาเลสไตน์เท่านั้น ที่สามารถส่งเสริมเสถียรภาพในภูมิภาคได้ ทางปาเลสไตน์กำลังจะพัฒนากลยุทธ์ใหม่ เพื่อปกป้องการตัดสินใจระดับชาติของชาวปาเลสไตน์ ให้เป็นไปอย่างอิสระ และปฏิบัติตามวาระของชาวปาเลสไตน์ มากกว่าวิสัยทัศน์ของสหรัฐ หรือวาระระดับภูมิภาค
ขณะเดียวกัน ทางด้านของกลุ่มฮามาส ก็ได้ออกแถลงการณ์เช่นกันระบุว่า การให้ทุนสนับสนุนเป็นการยืนยันการสมรู้ร่วมคิดของสหรัฐ ต่อปฏิบัติการของอิสราเอล ที่คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์นับหมื่นคน รวมถึงยังทำลายเมืองและย่านที่อยู่อาศัยอย่างเป็นระบบ ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดในฉนวนกาซาด้วย รัฐบาลสหรัฐและประธานาธิบดีโจ ไบเดน ต้องรับผิดชอบต่ออาชญากรรมสงครามในฉนวนกาซา กฎหมายดังกล่าวถือเป็นไฟเขียวสำหรับอิสราเอล ที่จะสานต่อการรุกรานอย่างโหดร้ายในแถบนี้