จีนเตรียมกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ด้วยการให้เงินอุดหนุนประชาชนซื้อรถและเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐและยุโรปเพิ่มขึ้น
สี่เดือนหลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศนโยบายเร่งกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ด้วยการให้เงินอุดหนุนภาคครัวเรือนและธุรกิจเร่งใช้จ่าย ด้วยการเปลี่ยนเครื่องจักร และเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ พร้อมเปลี่ยนประเทศเข้าสู่เทคโนโลยีสะอาดไปในเวลาเดียวกัน โดยครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่อุตสาหกรรมหนัก เช่น ปิโตรเคมีและเหล็ก ไปจนถึงการติดตั้งลิฟต์ใหม่ในตึกอพาร์ตเมนต์ ไปจนถึงการจูงใจให้ผู้บริโภค ซื้อเครื่องซักผ้าใหม่ที่ใช้น้ำน้อยลง
สำหรับภาคครัวเรือน ล่าสุดถึงคิวอุตสาหกรรมอีวี ที่เตรียมได้รับการส่งเสริมอย่างมาก หลังถูกสหรัฐและยุโรปกีดกัน โดยเมืองซูโจว ในมณฑลเจียงซู รัฐบาลท้องถิ่นได้เริ่มประกาศ ให้งบอุดหนุนมูลค่า 100 ล้านหยวน สำหรับการซื้อรถอีวี สูงสุด 6 พันหยวน (ราว 3 หมื่นบาท) ต่อผู้ซื้อหนึ่งราย และงบอีก 20 ล้านหยวน สำหรับสนับสนุนการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า สูงสุด 1 พัน 500 หยวน (ราว 7 พัน 6 ร้อยบาท) ต่อเครื่อง เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน และมณฑลอื่นจะมีการประกาศนโยบายคล้ายคลึงกันตามมา
ส่วนภาคอุตสาหกรรม จะมีการผสมผสานระหว่างเงินอุดหนุน และการลงทุนของรัฐบาลในอุปกรณ์ใหม่ พร้อมแรงจูงใจให้การลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ผลิตที่ใช้เทคโนโลยีสะอาด รวมถึงการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเปลี่ยนเครื่องจักร
หน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจชั้นนำของจีนกล่าวว่า การลงทุนในการอัพเกรดเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องจักรในปีที่แล้วอยู่ที่ 4.9 ล้านล้านหยวน และมีเป้าหมายเพิ่มขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2570 ซึ่งนักวิเคราะห์จาก Pantheon Economics คาดว่า การกระตุ้นดังกล่าว จะทำให้จีดีพีของจีนเติบโตประมาณ 0.7 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ รัฐบาลยังเตรียมเพิ่มสถานีรีไซเคิล 2 พันแห่งทั่วประเทศในปีนี้ รวมถึงส่งเสริมระบบขนส่ง ของบริษัทอีคอมเมิร์ซและผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อขนส่งเครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าจากบ้านเรือนไปยังสถานี ซึ่งการรีไซเคิลยังอาจเป็นเรื่องท้าทาย อ้างอิงจากข้อมูลปีที่แล้ว จีนมีรถยนต์ 3 ร้อย 36 ล้านคัน ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศมากกว่า 3 พันล้านเครื่อง เลยทีเดียว