ชาวบังกลาเทศทั่วประเทศ เข้าร่วมทำพิธีละหมาดขอฝน ขณะเผชิญคลื่นความร้อนทะลุ 42 องศา สั่งปิดโรงเรียนถึงสิ้นเดือน
เมื่อวานนี้ ชาวบังกลาเทศ ซึ่งส่วนนับถือศาสนาอิสลาม ต่างรวมตัวกันในมัสยิด ทั้งในเมืองและชนบท เพื่อเข้าร่วมพิธีละหมาด สวดภาวนาขอฝน มูฮัมหมัด อาบู ยูซุฟ ผู้นำพิธีละหมาดตอนเช้าแก่ผู้คน 1 พันคนใจกลางกรุงธากาเมืองหลวงกล่าวว่า การสวดภาวนาขอฝนเป็นประเพณีตามศาสนา เพื่อแสดงให้เห็นว่า เราสำนึกผิดจากบาปที่ได้ทำ และขอพรจากองค์ศาสดา เพื่อประทานฝนมาให้ ซึ่งฝนที่ไม่ตกขณะนี้ ทำให้ชีวิตแทบทนไม่ไหว โดยเฉพาะคนยากจนที่ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมาก
พิธีละหมาดขอฝนได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง โดยพรรค จามาต-เอ-อิสลามมี พรรคอิสลามที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้สมาชิกเข้าร่วมพิธีละหมาดดังกล่าว ซึ่งกำหนดจัดขึ้นทั้งในวันพุธและพฤหัสบดี
ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของบังกลาเทศระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาอุณหภูมิทั่วประเทศสูงมากกว่า 42 องศาเซลเซียส โดยอุณหภูมิสูงสุดในกรุงธากา สูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 30 ปีในช่วงเวลาเดียวกัน ถึง 4-5 องศาเซลเซียส และคาดว่าคลื่นความร้อนจะดำเนินต่อไปอีกอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ ส่งผลให้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการได้สั่งให้โรงเรียนทุกแห่งยกเลิกชั้นเรียนจนถึงสิ้นเดือนนี้
ทาริฟูล เนอาซ กาบีร์ เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยากล่าวว่า โดยปกติเดือนเมษายนจะเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในบังกลาเทศ แต่เดือนเมษายนนี้ เป็นเดือนที่ร้อนที่สุดเดือนหนึ่งในรอบ 53 ปีนับตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 1971 และฝนที่ตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ย ก็มีส่วนทำให้เกิดความร้อน
นอกจากนี้ความร้อนสูงยังก่อให้เกิดความเจ็บป่วย โดยโรงพยาบาลในเขตชายฝั่งทางใต้ของเมือง ปฏุยาขาลี มีรายงานโรคท้องร่วงระบาด เนื่องจากอุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้แหล่งน้ำในท้องถิ่นมีความเค็มเพิ่มขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลกล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยโรคท้องร่วงที่มีจำนวนสูงมากในปีนี้ เชื่อมโยงกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ