ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ คดีม.112 “บอส ฉัตรมงคล” หนุ่ม 3 นิ้ว สั่งจำคุก 3 ปี หลังศาลชั้นต้นยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ คดีม.112 “บอส ฉัตรมงคล” หนุ่ม 3 นิ้ว สั่งจำคุก 3 ปี หลังศาลชั้นต้นยกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ คดีม.112 “บอส ฉัตรมงคล” หนุ่ม 3 นิ้ว สั่งจำคุก 3 ปี หลังศาลชั้นต้นยกฟ้อง  Top News รายงาน 

ข่าวที่น่าสนใจ

จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊กศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความรายงานว่า จับตา ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดี ม.112 ของ “ฉัตรมงคล” หลังศาลชั้นต้นยกฟ้อง แต่อัยการอุทธรณ์ต่อ

 

ในวันแรงงานนี้ (1 พ.ค. 2567) “บอส” ฉัตรมงคล วัลลีย์ หนึ่งในแรงงาน ผู้ประกอบอาชีพพนักงานรักษาความปลอดภัยในบริษัทเอกชน วัย 29 ปี ต้องเดินทางไปที่ศาลจังหวัดเชียงรายอีกครั้ง เพื่อฟังคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ในคดีที่เขาถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เหตุจากถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้คอมเมนต์ข้อความมีเนื้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ ในโพสต์ของเพจเฟซบุ๊ก “ศรีสุริโยไท” เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2564

 

คดีนี้มี นัธทวัฒน์ ชลภักดี แอดมินเพจเฟซบุ๊กศรีสุริโยไท ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงราย หลังการสืบพยานไประหว่างวันที่ 20–24 ธ.ค. 2565 พนักงานอัยการโจทก์นำสืบว่า เฟซบุ๊กที่มีชื่อเหมือนกับชื่อของจำเลยเป็นผู้โพสต์ข้อความลงในเพจเฟซบุ๊กศรีสุริโยไท ส่วนจำเลยให้การปฏิเสธว่าตนเองไม่ใช่ผู้โพสต์ข้อความดังกล่าว

 

เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2566 ศาลจังหวัดเชียงรายมีคำพิพากษายกฟ้องคดี โดยเห็นว่าโจทก์ไม่มีพยานบุคคลและหลักฐานที่ยืนยันว่าจำเลยกระทำตามฟ้องจริง ที่โจทก์เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดมาจากตำรวจชุดสืบสวนที่นำชื่อเฟซบุ๊กที่ถูกกล่าวหา ไปค้นในทะเบียนราษฎร์ของจำเลย แล้วนำมาเปรียบเทียบกับภาพในเฟซบุ๊ก เมื่อพิจารณาทางนำสืบของจำเลยที่ชี้ให้เห็นว่าหน้าเฟซบุ๊กมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย โดยไม่ต้องเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญ พยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่เพียงพอรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้โพสต์ข้อความตามฟ้อง

 

ต่อมาอัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานคดีศาลสูงภาค 5 ได้ยื่นอุทธรณ์คดีนี้ โดยสรุปอ้างว่าจำเลยเคยมีประวัติการกระทำผิดเกี่ยวกับคดีความมั่นคงต่อราชอาณาจักรมาหลายครั้ง และเคยถูกรอการลงโทษจำคุกในคดีจากการชุมนุมช่วงเดือนพฤศจิกายน 2563

 

ฝ่ายโจทก์พยายามยืนยันว่าภาพเฟซบุ๊กที่แคปหน้าจอมาเป็นพยานหลักฐานเป็นของจำเลย ไม่มีเหตุที่ผู้ใดสามารถนำภาพของจำเลยมาสร้างบัญชีเฟซบุ๊กในนามจำเลยได้ การมีชื่อเฟซบุ๊กตรงกับชื่อจำเลยหลายบัญชี ส่วนหนึ่งมาจากจำเลยรับว่าเคยสมัครไว้หลายครั้ง เนื่องจากบัญชีเดิมไม่สามารถเข้าได้ และจำเลยก็ไม่ได้ดำเนินการใด ๆ เพื่อให้บัญชีที่เข้าไม่ได้นั้นต้องถูกแก้ไขหรือลบไป

 

ขณะที่ฝ่ายจำเลยก็โต้แย้งอุทธรณ์ของโจทก์ โดยยืนยันว่าจากพยานหลักฐานของโจทก์มิได้พิสูจน์ยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่าเฟซบุ๊กตามฟ้องนั้น จำเลยเป็นผู้นำเข้าข้อมูลดังกล่าว เพราะมิได้มีการสืบสวนในคดีเกี่ยวกับความผิดทางอิเล็กทรอนิกส์ เพียงแต่นำชื่อไปค้นในข้อมูลทะเบียนราษฎรเท่านั้น ไม่ได้ตรวจสอบยืนยันผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก เอกสารหลักฐานของโจทก์ยังมิน่าเชื่อถือ เป็นการพิมพ์โดยไม่ปรากฏ URL

 

ทั้งพยานผู้กล่าวหายังให้การถึงข้อเท็จจริงในประเด็นการไปติดตามตัวผู้โพสต์ข้อความ ในชั้นสอบสวนและในชั้นศาล ที่แตกต่างกัน อันส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของพยานปากดังกล่าว ทั้งพยานโจทก์ต่างก็เบิกความว่าบัญชีเฟซบุ๊ก สามารถนำรูปของผู้อื่นมาเป็นโปรไฟล์ได้ และพนักงานสอบสวนก็ไม่ได้ตรวจสอบบัญชีเฟซบุ๊กที่อ้างว่ามีชื่อเหมือนกับจำเลยหลายบัญชีดังล่าว

 

ทั้งนี้ โดยข้อเท็จจริง ฉัตรมงคลไม่เคยถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับความมั่นคงมาก่อน ก่อนหน้านี้เขาเคยถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ-ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ในคดีคนอยากเลือกตั้งช่วงปี 2561 จำนวน 2 คดี และคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ-ทำให้เสียทรัพย์ ในการชุมนุม #ตามหานาย หน้า ม.พัน 4 เมื่อเดือนกันยายน 2563 จำนวน 1 คดี โดยคดีหลังนี้แม้ศาลอาญาให้รอการลงโทษจำคุก แต่ก็ยังอยู่ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษา ยังไม่ถึงที่สุดแต่อย่างใด ทำให้ต้องติตดามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ต่อไป

 

สำหรับ “บอส” ฉัตรมงคล มีภูมิลำเนาอยู่อาศัยในกรุงเทพมหานคร และทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี การถูกกล่าวหาในคดีนี้ตลอด 2 ปี 5 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เขาต้องเดินทางไปจังหวัดเชียงรายเพื่อต่อสู้ไม่ต่ำกว่า 8 ครั้งแล้ว ประกอบกับบอสมีรายได้ไม่มากนัก ทำให้การต่อสู้คดีมีอุปสรรคอย่างมาก โดยเขาได้รับความช่วยเหลือเรื่องค่าเดินทางจากกองทุนดา ตอร์ปิโด แต่ก็ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วยตนเอง

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : จับตาฟังคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์คดีม.112 “บอส ฉัตรมงคล” หนุ่ม 3 นิ้ว หลังศาลชั้นต้นยกฟ้อง แต่อัยการยื่นอุทธรณ์ต่อ

 

ล่าสุดมีรายงานระบุว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับ คดี ม.112 ของ “บอส ฉัตรมงคล” จากที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่ามีความผิด โดยเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้คอมเมนต์ข้อความตามฟ้อง

 

 

 

 

พิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษหนึ่งในสาม คงเหลือโทษจำคุก 27 เดือน

เนื่องจากเป็นความผิดร้ายแรง ศาลจึงไม่ให้รอการลงโทษ ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นประกันตัวในชั้นฎีกา

 

ทั้งนี้ หากหักโทษหนึ่งในสาม จาก 3 ปี ควรจะเหลือโทษจำคุก 2 ปี จึงยังต้องตรวจสอบว่าศาลอุทธรณ์นับโทษผิดหรือไม่อย่างไร เพราะไม่ได้มีการบวกโทษจำคุกจากข้อหาอื่นใดอีก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น