“สถาบันวัคซีนแห่งชาติ” แจงแล้วปมวัคซีน “แอสตร้าเซนเนกา” ทำเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน

สถาบันวัคซีนแห่งชาติ แจงแล้วปม ‘วัคซีนแอสตร้า’ ยอมรับเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันจริง แต่ไม่ใช่ข้อมูลใหม่ WHO ออกคำเตือนเป็นระยะ บริษัทก็มีเอกสารข้อควรระวัง ชี้ภาวะนี้พบน้อยมาก ในประเทศไทย 1 ใน 10 ล้านคน

“สถาบันวัคซีนแห่งชาติ” แจงแล้วปมวัคซีน “แอสตร้าเซนเนกา” ทำเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน – Top News รายงาน

แอสตร้าเซนเนกา

เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้ออกเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่อง ภาวะลิ่มเลือดร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำภายหลังการได้รับวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท แอสตร้าเซนเนกา โดยระบุรายละเอียดว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวในประเด็น บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ยอมรับว่าวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทอาจทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดร่วมกับภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือ TTS ซึ่งอาจทำให้เกิดความกังวลใจของประชาชนได้นั้น สถาบันวัคซีนแห่งชาติรับทราบข้อกังวลดังกล่าวแล้ว และขอให้ข้อมูล ดังนี้

ข่าวที่น่าสนใจ

1.ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่ข้อมูลใหม่ แต่เป็นข้อมูลที่ได้รับจากการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่เมื่อเริ่มมีการใช้วัคซีนโควิด-19 ชนิดไวรัสเวกเตอร์ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าในวงกว้าง ซึ่งจากข้อมูลทั่วโลกพบว่าภาวะTTS ที่เกิดขึ้นภายหลังการได้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิดไวรัสเวกเตอร์ เป็นเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่พบได้น้อยมาก โดยรายงานการเกิดภาวะTTS ภายหลังการฉีดวัคซีนส่วนใหญ่มาจากสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป และจากรายงานทั่วโลกพบว่าอุบัติการณ์ของภาวะTTS ภายหลังการฉีดวัคซีน มีความแตกต่างทางภูมิศาสตร์อย่างมาก

โดยมีรายงานน้อยมากที่มาจากประเทศนอกยุโรป จากข้อมูลของสหราชอาณาจักร ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2564 และสหภาพยุโรปคาดการณ์ว่าความเสี่ยงในการเกิด TTS ของประชากรในภูมิภาคอยู่ที่ประมาณ 1 ราย ต่อ 100,000 ประชากร ในขณะที่ฐานข้อมูลความปลอดภัยระดับโลกของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า พบว่าอัตราการรายงาน TTS ต่อประชากร 1,000,000 ราย อยู่ระหว่าง 0.2 ในประเทศแถบเอเชียและบราซิล ถึง 17.6 ในกลุ่มประเทศนอร์ดิก

สำหรับประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ทั้งหมด 48,730,984 โดส พบผู้สงสัยหรือยืนยันภาวะลิ่มเลือดอุดตันร่วมกับเกล็ดเลือดต่ำจำนวน 7 ราย อัตราการเกิดภาวะ TTS เท่ากับ 0.014 ต่อ 100,000 ประชากร หรือจะพบผู้มีภาวะดังกล่าวได้ 1 รายในผู้ได้รับวัคซีนจำนวน 10,000,000 คน

2.ภาวะTTS ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการได้รับวัคซีน ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นภายใน 3-21 วันแรก หลังจากที่ได้รับวัคซีน ซึ่งมักพบภายหลังการฉีดวัคซีนเข็มแรกมากกว่าเข็มที่สอง และพบในคนอายุน้อยมากกว่าผู้สูงอายุ

ทั้งนี้ ข้อมูลความเสี่ยงของภาวะดังกล่าว ได้ถูกเพิ่มเติมในเอกสารกำกับยาของวัคซีนโควิด 19 ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า หัวข้อ “คำเตือนพิเศษ และข้อควรระวังในการใช้ยา”ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2564 ภายหลังจากที่มีข้อมูลภายหลังการใช้วัคซีนในวงกว้างมากขึ้น ทำให้หลังจากนั้นสามารถติดตามเฝ้าระวังอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าวที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการฉีดวัคซีน และสามารถให้การรักษาภาวะดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม

3.ความเสี่ยงของการเกิดภาวะ TTS ภายหลังจากการป่วยด้วยโควิด-19 สูงกว่าความเสี่ยงที่เกิดจากการได้รับวัคซีนโควิด-19 หลายเท่า จากการเก็บข้อมูลในอังกฤษ ซึ่งมีประชาชนจำนวน 19,608,008 คน ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า เป็นโดสแรก กับกลุ่มประชาชนที่มีผลบวกในการตรวจการติดเชื้อ SARS-CoV-2 จำนวน 1,758,095 คน

4.องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกเอกสารคำแนะนำสำหรับการใช้วัคซีนโควิด-19 ของ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 และได้ปรับคำแนะนำอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ เมื่อมีข้อมูลภายหลังการใช้ที่มากขึ้น โดยปรับปรุงคำแนะนำล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565 มีใจความสำคัญเกี่ยวกับประเด็นภาวะ TTS ที่เกิดภายหลังการได้รับวัคซีนโควิด-19 ชนิดไวรัสเวกเตอร์ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ดังนี้ ในประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ประโยชน์ของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคมีมากกว่าความเสี่ยงอย่างมาก อย่างไรก็ตามการประเมินประโยชน์และความเสี่ยงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ทั้งนี้แต่ละประเทศควรพิจารณาสถานการณ์ทางระบาดวิทยา ความเสี่ยงในระดับบุคคลและประชากร ความพร้อมของวัคซีนชนิดอื่นๆ และทางเลือกสำหรับการลดความเสี่ยง ฯลฯ

5.ปัจจุบันประเทศไทยไม่ได้มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิดไวรัสเวกเตอร์ ของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้าแล้ว เมื่อพิจารณาจากข้อมูลข้างต้น พบว่าความเสี่ยงของการเกิดภาวะ TTS ที่เป็นผลมาจากการป่วยด้วยโควิด-19 มีอุบัติการณ์สูงกว่า ภายหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 ชนิดไวรัสเวกเตอร์ของ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า อย่างมากและทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย มีระบบกำกับดูแลความปลอดภัยของการใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการฉีดวัคซีนมากกว่าความเสี่ยงที่ได้รับอย่างดีที่สุด

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงภายหลังจากการได้รับวัคซีนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่จะมีการควบคุมให้มีโอกาสเกิดขึ้นน้อยที่สุด ก่อนการพิจารณาอนุญาตให้ใช้วัคซีนในวงกว้าง ขอให้ประชาชนคลายความกังวลใจ ทั้งนี้ หากมีข้อมูลเพิ่มเติม สถาบันวัคซีนแห่งชาติจะทำการอัปเดตข้อมูลให้ท่านทราบเป็นระยะ

สถาบันวัคซีนแห่งชาติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น