ผมติดตามโน๊ตอุดมมาได้ตั้งแต่โน๊ตอุดมครั้งที่ 1 เลยนะครับแล้วผมก็ยังจำได้ว่าบนเวทีตูดหมึกก็เคยประกาศว่าจะยุติบทบาท
โดยบอกว่าเวทีครั้งนั้นจะเป็นเวทีครั้งสุดท้ายแต่นั่นไม่ใช่ความจริงเพราะหลังจากนั้นเขาก็ทำต่อมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน
แม้ว่าโน๊ตอุดมจะมีวิธีการเล่าเรื่องมีเรื่องใหม่ๆมาเล่าตลอดในทุกๆปีแต่สิ่งนึงที่มีทุกปีเหมือนเดิมทุกครั้งคือตลกร้ายที่ทวีคูณความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆและในช่วงปีหลังๆเริ่มจับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทางการเมืองและบุคคลสำคัญ
ประเด็นนี้เองที่ทำให้โน๊ตถูกจับตามองมากขึ้นเรื่อยๆในฐานะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อสังคม และเริ่มถูกมองในมิติที่ชัดเจนมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของการโจมตีเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่เขาบอกเลยว่าเขาไม่ขอเป็นคนพอเพียงแล้วเพราะมันไม่เวิร์คสำหรับเขา
เขาบอกให้เข้าใจได้ว่า”มีแต่ผู้คนดัดจริตทำ….”
ทั้งที่ตัวเองตั้งชื่อบริษัทว่าพอดีพานิช จำกัด โคตรตลกร้ายนะครับ
เขาไม่เคยรู้เลยหรือว่า ตลกร้ายของเขานั้นกำลังการให้ร้ายกับเรื่องที่พระมหากษัตริย์พระองค์หนึ่งยอมสละทั้งชีวิตนับ 10 ๆ ปีเพื่อสร้างปรัชญาชีวิตให้ผู้คนสามารถอยู่รอดท่ามกลางภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ สามารถทำให้ผู้คนอยู่ได้อย่างมั่นคง
แต่กลับถูกตลกร้ายทำลายคุณค่าดูหมิ่นเหยียดหยามเพียงเพราะมันไม่เวิร์คกับเขา ….
แน่สิ!เพราะว่าคุณโน๊ตอุดมหากินบนตลกร้ายการเหยียดหยามผู้อื่นเพื่อบันเทิงผู้ชม โน๊ตอุดมเลยไม่เคยเข้าใจชีวิตที่ปกติสุขโดยไม่ทำร้ายผู้อื่นด้วยปาก
ผมไม่ได้หมายความว่าจะไปบังคับให้คุณโน๊ตอุดมทำเศรษฐกิจพอเพียงหรือชื่นชมสิ่งเหล่านี้เพราะมันก็จะเป็นเรื่องที่ดัดจริตเช่นกันเพราะ เขาเองก็บอกว่า เขาทำไม่ได้
แต่ตลกร้ายของเขาได้สร้างความรู้สึกให้ผู้ชมในเวลานี้ว่าโน๊ตอุดมกำลังกลั่นแกล้งในหลวงรัชกาลที่9 จนเกินไปมันล้ำเส้นเกินความพอดีที่จะรับได้
ผมขอวิจารณ์คุณอุดมว่าเขากำลังเสพติดตลกร้ายของเขาเองที่เที่ยววิจารณ์ผู้อื่นจนลืมวิจารณ์ตัวเองที่เที่ยวกระแนะกระแหนผู้อื่นจนลืมดูรากเหง้าของตัวเอง
เรียกว่าดังแล้วลืมความเป็นคน…
….ลืมว่าตัวเองเคยเป็นใคร
สำหรับข้าพเจ้าแล้วจุดที่โน๊ตอุดมได้รับความเมตตาจากผู้ชมมากๆคือความกตัญญูต่อมารดา ความใกล้ชิดหยิกแก้มหยอกแซวนิดแซวหน่อยผมว่าน่ารักอยู่ครับ
แต่ปัจจุบันคุณโน๊ตอุดมทำตัวเอาแม่มาหาแดกครับและเป็นอยู่อย่างนี้หลายครั้งหลายหนแล้วมันเริ่มไม่น่ารักครับ
ครั้งล่าสุดเนี่ยโน๊ตอุดมก็เที่ยวไปบอกว่าให้คนแก่อยู่เฉยๆพอให้เด็กมันกราบไหว้ได้สนิทใจเถอะ
นี่ไม่ใช่คำพูดของคนที่รู้จักความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณในบ้านแต่เป็นคำพูดของคนกร่างที่เชื่อว่าตัวเองจะชนะโลกใบนี้ด้วยสองมือสองแขนของตนเอง
นั่นไม่ใช่วิถีชีวิตที่ถูกต้องครับ
และขอบอกเลยว่า”ลิซ่า”ไม่ใช่คนแบบนี้
ลิซ่าที่โด่งดังไปทั่วโลกเวลานี้
เขารู้จักครอบครัว
เขาก็ดูแลครอบครัวเขา
เขารู้จักประเทศของเขา
เขาก็ดูแลประเทศของเขา
เขารู้ว่าที่ใดเป็นที่ของเขา
เขาก็ดูแลที่ๆของเขา
เขารู้อะไรควรทำไม่ควรทำ
เขาก็ทำในสิ่งที่ควรทำ
อย่าเอาหลักคิดต่ำทรามไปชี้ว่า ศิลปินคนนั้นคนนี้เขามีพฤติกรรมเหมือนกับคุณ
สวัสดีครับ