รวบ “นายหน้าบัญชีม้า” รับโอนเงินแก๊งหลอกลงทุนเทรดหุ้น หนีกบดานปอยเปรต เล่าทั้งน้ำตาทนคิดถึงบ้านไม่ไหว ตัดสินใจกลับก่อนถูกจับ

รวบ "นายหน้าบัญชีม้า" รับโอนเงินแก๊งหลอกลงทุนเทรดหุ้น หนีกบดานปอยเปรต เล่าทั้งน้ำตาทนคิดถึงบ้านไม่ไหว ตัดสินใจกลับก่อนถูกจับ

Top news รายงาน วันที่ 7 พ.ค.2567 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) , พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป.) พร้อมเจ้าหน้าที่กองกำกับการ 2 กองบบังคับการปราบปราม ร่วมกันจับกุม นางสาวประกายแก้ว อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 341/2567 ลงวันที่ 5 เมษายน 2567 เลขคดีอาญาที่ 102/2567 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยจับกุมได้ที่ บริเวณหน้าบ้านแห่งหนึ่ง หมู่ 5 ต.บ้านหีบ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ สืบเนืองจาก เจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูล จากผู้เสียหายว่า เมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2566 ถูกแก๊งมิจฉาชีพ ชักชวนให้ลงทุนเทรดหุ้น ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ห้องคุยนักลงทุน โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง จึงเกิดความสนใจ โดยแก๊งมิจฉาชีพได้ชักชวนให้พูดคุยผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ชื่อ “รศ.ดร.ไพบูลย์” จนผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินไปยังบัญชีอื่นๆ รวมทั้งหมด 4 บัญชี คิดเป็นเงิน 21,089,644.50 บาท ซึ่ง 1 ใน 4 บัญชีนั้น คือบัญชี นางสาวประกายแก้ว ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม

 

 

 

 

 

 

ซึ่งภายหลังพบว่า ยังมีการโอนเงินจำนวนดังกล่าวกระจายต่อไปยังบัญชีม้าอีก 16 บัญชี ต่อมาวันที่ 8 ก.ค.2566 ผู้เสียหายประสงค์ที่จะขอถอนเงินที่ลงทุนไว้ แต่คนร้ายกลับแจ้งว่า ให้โอนเงินค่าดำเนินการ 40 เปอร์เซ็น จากเงินที่ผู้เสียหายจะได้รับ นั่นจึงทำให้ทราบว่า ตนเองน่าจะถูกหลอก ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.บางรัก เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้าย ต่อมาพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และขอศาลออกหมายจับนางสาวประกายแก้วฯ รวมถึงเจ้าของบัญชีปลายทางที่รับเงินโอนอีก 16 บัญชี

 

จากการสืบสวน พบว่า หลังจากนางสาวประกายแก้ว ได้รับเงินโอนจากผู้เสียหาย ก็ได้ทำการปิดบัญชีและหลบหนีไปยังปอยเปต ประเทศกัมพูชา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม (กก.2 บก.ป.) จึงเร่งติดตามและออกสืบสวนเพื่อจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ จนทราบว่า ผู้ต้องหา ได้กลับบ้านมาบ้านเกิด ที่จ.พระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบ ก่อนจะพบตัวผู้ต้องหา จึงเข้าแสดงตัวพร้อมแสดงหมายจับ ก่อนนำตัวมาทำบันทึกการจับกุมตัวที่ สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา

 

สอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การว่า ตนไม่ได้รู้เรื่องหลอกลวงหรือไปโกงใคร ก่อนหน้านี้ตนเองว่างงาน ต่อมาได้มีพรรคพวกที่อยู่ปอยเปตประเทศกัมพูชาแนะนำ ให้มาเปิดบัญชีธนาคาร ได้รับค่าจ้างเปิดบัญชีละ 3,000 บาท และหากจัดหาบัญชีม้าเพิ่มได้อีกจะให้ค่าจ้างอีก 1,000 บาทต่อบัญชี โดยมีการชักชวนคนรอบข้างและคนรู้จักให้เปิดบัญชีธนาคารอีกด้วย พร้อมบอกทั้งน้ำตาว่าตนไม่อยากหนีไปไหน เพราะทนคิดถึงบ้านไม่ไหว จึงตัดสินใจกลับบ้านเกิด.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว
ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปแก๊งต่างด้าว แสดงพฤติกรรมเย้ยกม. กำชับคุมเข้ม ใช้ยาแรง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น