วันที่11 ก.ย. 2564 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha“ ข้อความระบุว่า
พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน
นับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน เป็นต้นมา ที่ยอดผู้ติดเชื้อมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราได้สามารถปรับมาตรการป้องกันโรค โดยอนุญาตให้มีการเริ่มเปิดกิจการบางประเภท เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า และการเดินทางขนส่งต่างๆ โดยที่ยังใช้ความระมัดระวัง ตามนโยบาย Smart Control and Living with COVID คือ “การอยู่อย่างฉลาดและปลอดภัยร่วมกับโควิด” และมาตรการป้องกันการติดเชื้อโควิด -19 ขั้นสูงสุด เพื่อสร้างสมดุลทั้งด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิตของคนในประเทศ นั้นเป็นสัญญาณว่า เราพร้อมจะเดินหน้าประเทศไทยต่อไป เพื่อเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจที่หยุดชะงักไปในช่วงล็อกดาวน์ บนพื้นฐานของความไม่ประมาท และการป้องกันไม่ให้โควิดกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง ซึ่งรัฐบาลได้จัดเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนไว้หลายมาตรการ สำหรับคนทุกกลุ่ม และจะทยอยนำมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพที่สุดตามสถานการณ์ที่เหมาะสม
ซึ่งนอกจากมาตรการของภาครัฐแล้ว ผมยังมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจหลายแห่งได้ยื่นมือเข้ามาร่วมแรงร่วมใจ ทำให้การเดินหน้าประเทศดำเนินการได้อย่างเต็มที่ เมื่อวานนี้ (9 ก.ย.) ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม ที่โรงพยาบาลปิยะเวท ภายใต้โครงการ “ลมหายใจเดียวกัน” ที่จัดตั้งขึ้นโดยกลุ่ม ปตท. ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนาม สำหรับรักษาผู้ป่วยอาการหนัก (สีแดง) โดยเฉพาะ ได้ถึง 120 เตียง ถือว่าเป็นโรงพยาบาลสนาม ICU ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และสามารถรองรับผู้ป่วยอาการหนักที่ต้องฟอกไตได้ 24 เตียง ซึ่งเป็นอุปสรรคหนึ่งที่ทำให้ทำให้มีผู้เสียชีวิตด้วยอาการแทรกซ้อน โดยทั้ง 120 เตียง เป็นห้องแยกแบบความดันลบ มีการดูแลผ่านระบบดิจิทัล มาตรฐานเดียวกับห้อง ICU ในโรงพยาบาลชั้นนำ และยังมีการใช้นวัตกรรมการดูแลรักษาอื่นๆ เช่นการฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรค เพื่อความปลอดภัยของบุคคลอื่นในพื้นที่อีกด้วย
และเมื่อเช้านี้ ผมได้เข้าไปตรวจดูระบบการป้องกันโรคในโรงงาน ที่บริษัท เอส.บี. อุตสาหกรรมเครื่องเรือน ตามนโยบาย Factory Sandbox ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นแบบโรงงานที่มีการจัดมาตรการป้องกันโรคไว้เป็นอย่างดี ตั้งแต่การตรวจหาเชื้อ การคัดแยก การส่งตัวรักษา และการจัดหาวัคซีนให้ลูกจ้าง ทั้งหมดนี้ทำให้โรงงานต่างๆยังเปิดทำงานต่อไปได้แม้ว่าจะพบผู้ติดเชื้อ ทำให้ยังมีผลผลิตส่งออกได้ และลูกจ้างไม่ต้องหยุดงาน ทำให้ภาคอุตสาหกรรม ที่เป็น “ลมหายใจ” ของประเทศในขณะนี้ที่ภาคการท่องเที่ยวหยุดชะงัก ยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ผมต้องขอขอบคุณผู้ประกอบการทุกคน องค์กรต่างๆที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่ง
เราผ่านสงครามกับโควิดมาแล้วเกือบสองปี ผ่านความบอบช้ำและเจ็บปวดมามาก โดยเฉพาะในระลอกล่าสุด ที่ทำให้เราต้องล็อกดาวน์หลายจังหวัด ปิดหลายกิจการ เพื่อรักษาชีวิตของประชาชนไว้ให้ได้มากที่สุด ณ วันนี้ เป็นวันที่ฟ้าเริ่มสว่างอีกครั้ง จำนวนผู้ติดเชื้อค่อยๆลดลง จำนวนผู้ฉีดวัคซีนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เกินเดือนหน้า เราน่าจะสามารถฉีดวัคซีนได้มากกว่าครึ่งหนึ่งในจังหวัดส่วนมาก ค่อยๆสามารถกลับสู่วิถีชีวิตแบบเดิม บนแนวทางใหม่ที่ปลอดภัยกว่าเก่า ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะใช้โอกาสนี้ได้อย่างเต็มที่ ก้าวข้ามความขัดแย้งที่เป็นอุปสรรคฉุดรั้งประเทศชาติของเราไว้มานาน และซ้ำเติมสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น สู่การฟื้นฟูประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของเรา สร้างประเทศไทยให้กลับมาสวยงามอีกครั้ง เตรียมพร้อมการต้อนรับโอกาสใหม่ที่จะเข้ามาหลังการเปิดประเทศ ความสำเร็จขึ้นอยู่กับพวกเราคนไทยทุกคนครับ