“สว.สมชาย” เรียกร้อง 6 ข้อควรทำ ก่อนนำข้าวค้างโกดัง 10 ปี ออกขายบริโภค

"สว.สมชาย" เรียกร้อง 6 ข้อควรทำ ก่อนนำข้าวค้างโกดัง 10 ปี ออกขายบริโภค

“สว.สมชาย” เรียกร้อง 6 ข้อควรทำ ก่อนนำข้าวค้างโกดัง 10 ปี ออกขายบริโภค    Top News รายงาน 

 

ข้าวค้างโกดัง

ข่าวที่น่าสนใจ

8 พ.ค.2567 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์ข้อความเรื่องข้าว 10 ปี โดยระบุว่า ขอตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติม เรื่องการจะนำข้าว 10 ปี ที่ค้างในโกดัง เตรียมออกมาประมูลขายเป็นข้าวดี กินได้ นั้น

 

 

 

เป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายและต้องเร่งตรวจสอบหลายกรณี ดังนี้

1)ข้าวเก่าค้างจำนำในโกดังนาน 10 ปี รมยาฆ่าแมลง fumigation ตลอดทุก 1-2 เดือน ตลอด 10ปี ไม่น้อยกว่า 60-120 ครั้ง น่าจะมีแต่สารพิษตกค้าง ล้างไม่ออก และน่าจะไม่มีสารอาหารหลงเหลือ รวมถึงน่าจะมี aflatoxin สารพิษและสารก่อมะเร็งที่เกิดจากรา ที่เกิดจากการเก็บข้าวที่ไม่เหมาะสม

2)นักวิชาการและหน่วยงานที่มีหน้าที่ ต้องเร่งตรวจสอบ DNA ข้าว 10 ปีจริงหรือไม่ และตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาตร์ให้ชัดถึงคุณภาพมาตรฐานและสารตกค้าง

3)ยุติการประมูลขายเป็นอาหารคนและสัตว์ เพราะเสี่ยงสารสะสมในข้าวก่อมะเร็ง
และอย่าส่งออกไปขายแอฟริกา เพราะเป็นจะทำลายภาพพจน์และมาตรฐานการค้าข้าวไทยในตลาดโลก ซึ่งจะยิ่งสร้างเสียหายตามมามากมาย

4)ตรวจสอบขบวนการทุจริตจากการประมูลข้าวทั้ง2โกดังว่า เมื่อมีการประมูลข้าวไปแล้ว อย่างน้อย2-3ครั้ง (2557,2558,2563)

4.1ใครเป็นผู้ประมูล เป็นเจ้าของโกดังที่รับฝากข้าวเองใช่หรือไม่ เหตุใดไม่รับมอบข้าวหรือมีการหมุนเวียนข้าวในโกดัง เรื่องนี้ตรวจพิสูจน์DNA และตรวจอายุข้าวได้

 

 

 

4.2ทำไม อคส. จึงยังจ่ายค่าเช่ามาตลอด 10ปี และไม่นำออกประมูลให้เสร็จสิ้นมาโดยตลอด มีการทุจริตกันหรือไม่อย่างไร ใครรู้เห็นร่วมขบวนการบ้าง

5)สมาคม และสภาวิชาชีพสื่อ ควรตรวจสอบจริยธรรมสื่อมวลชนที่ไปร่วมทำข่าวและแสดงให้ประชาชนและสังคมเชื่อถือให้การรับรองคุณภาพข้าวดังกล่าวว่า มีคุณภาพดี กินได้ ซึ่งน่าจะขัดต่อจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อมวลชน

6)หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ทั้งปปช. อัยการ ศาลยุติธรรม ควรจับตาเฝ้าติดตามตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ด้วยเหตุที่มีการข่าวว่า ทีมกฎหมายของการเมืองในขบวนการทุจริตจำนำข้าว จะบิดเบือนสร้างพยานหลักฐานใหม่ เพื่อขอรื้อฟื้นคดีหรือไม่ หรือเพื่อดิสเครดิตกระบวนการยุติธรรมไทยที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาเด็ดขาดไปแล้ว ถึง 2 ชั้นศาลฎีกา

 

 

 

#ข้าวไร้ยางอาย
#ปาหี่พลิกฟื้นคดี
#ทุจริตจำนำข้าว8แสนล้าน

 

 

 

เครดิต : ข้อมูลจากจากโพสต์ของ – รศ.พันทิพา พงษ์เพียจันทร์ อาจารย์ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

 

จากกรณีที่เอาข้าวเก่า ค้าง 10 ปี มาหุงรัปทานโชว์กัน ขอบอกว่าท่านได้รับสารพิษจากเชื้อราไปแล้วไม่น้อย หลายตัวหลายชนิดด้วย และใครที่ไปร่วมชิมเป็นสักขีพยานว่า ข้าวนั้นทานได้ ก็รับเคราะห์ไปด้วยค่ะ

1.ปกติอาหารสัตว์ เราจะเก็บพวกธัญเมล็ดต่างๆ (รวมถึงข้าว)ได้อย่างมาก 1 ปี ที่อุณหภูมิห้อง เช่นเดียวกับที่โรงสีที่โชว์เก็บ แต่ก่อนเก็บนอกจากรมควันแล้ว ความชื้นในเมล็ดธัญพืชจะต้องไม่เกิน 12% เพราะพวกนี้สามารถดูดซึมน้ำกลับได้ ซึ่งสภาพการเก็บของโรงสีที่เห็น ใส่ในกระสอบป่าน โอกาสดูดซึมน้ำกลับ ทำให้ความชื้นของเมล็ดข้าวสูงขึ้นแน่นอน

หากจะเก็บไว้นานกว่านี้ต้องเก็บในสภาพเย็นแบบแห้ง (Cold dry processing)* อุณหภูมิต้องไม่เกิน 13 °C ทำให้แมลงไม่ฟักออกเป็นตัว*

2.กระสอบป่านที่เก็บข้าว สภาพที่เห็น วางทับซ้อนกันสูงมาก อากาศไม่ถ่ายเท ส่งเสริมการดูดซึมน้ำกลับ ความชื้นในเมล็ดข้าวสูงขึ้น ส่งเสริมการเจริญของมอดแมลงต่างๆ

3.แม้จะรมยาแต่สถาพการวางทับกระสอบ รมยาไม่ทั่วถึงแน่นอน เพราะข้าวที่เอามาหุงแสดง ขณะล้างฟ้องอยู่แล้วว่ามีมอดข้าว ด้วง

4.การที่เมล็ดข้าวมีความชื้น ส่งเสริมการเติบโตของมอด แมลงต่างๆ* หลักฐานประจักษ์ขณะซาวข้าว (15ครั้ง ตามข่าว ซึ่งข้าวปกติเราล้างไม่ถึง 3 ครั้ง)

5. การมีมอดแมลง มูลของแมลงเหล่านี้นำมาซึ่งการเจริญของเชื้อรา และแบคทีเรีย* ทำให้เน่าได้รับสารพิษโดยไม่รู้ตัว

6.จากสภาพข้าวที่หุงออกมา จะมีข้าวจำนวนไม่น้อย ที่มีสีน้ำตาลตรงปลายเมล็ด นั่นคือเม็ดข้าวที่ขึ้นรา อย่างน้อยต้องตรวจพบสารพิษอะฟลา 1 ตัว ตรวจง่ายๆโดยใช้เทคนิค บี จี วาย ฟลูโอเรสเซนท์ (Bright Greenish-Yellow Fluorescent)** ซึ่งสารนี้ทนอุณหภูมิได้ถึง 250°C *** และยังจะมีสารพิษอื่น ๆ ตามมาอีกหลายตัว อุณหภูมิข้าวที่เราหุงน้ำเดือด 100°C ไม่สามารถทำลายพิษจากเชื้อราได้ อาจได้แค่แบคทีเรียจากมูลของแมลง

เห็นเจตนาดีของท่านที่จะหาเงินกลับคืน ขอแนะนำว่า

1.อย่าขายให้คนหรือสัตว์นำไปบริโภค ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะเราจะมีคนป่วยด้วยมะเร็งมากขึ้น สำหรับผู้บริโภคโดยตรง

2.กรณีนำไปเลี้ยงสัตว์ เราจะได้ผลิตภัณฑ์ เนื้อ นม ไข่ ที่มีสารพิษจากเชื้อราตกค้างในอาหาร ทำให้เพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งมากขึ้น

3.การนำไปขายให้อัฟริกา ชื่อเสียงข้าวเน่าเสียของไทยจะกระจายไปทั่วโลก คู่แข่งเราจะได้เปรียบ กว่าเราจะกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาคงหลายปี เสียตลาดข้าวให้คู่แข่ง โดยเขาไม่ต้องออกแรงเลย และที่สำคัญบาปตกอยู่กับผู้คิด ผู้ขาย แน่นอน

4.ขอแนะนำให้นำข้าวเหล่านี้ ไปผลิตเป็นแอลกอฮอล์ หรือน้ำส้มสายชู จะดีกว่า สอบถามนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์การอาหารต่อไปค่ะ

หมายเหตุ:การตรวจสอบสารพิษเหล่านี้ มีตามมหาวิทยาลัยที่มีห้องแลปตรวจอาหารทั่วไปหรือกรมปศุสัตว์หรือบริษัทรับตรวจสารพิษในอาหาร

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ศาลนนทบุรี สั่งจำคุกหนุ่มใหญ่ 6 ปี 36 เดือน ผิดคดี 112 โพสต์ข้อความหมิ่นเบื้องสูง
ตร.ปคบ.หอบสำนวน 7000 หน้า ส่งฟ้องคดีหลอกขายทอง “แม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์” ให้กับอัยการแล้ว
10 บริษัทโฆษณา ชั้นนำในไทย ที่เชี่ยวชาญด้าน Digital Marketing
"รองผู้การกองปราบฯ" กางกม.เอาผิด "ซินแสชื่อดัง" จ่อโดนคดีฟอกเงิน หลังตุ๋นเหยื่อหลายราย สูญเงินกว่า 70 ล้าน
“สัณหพจน์” เปิดนโยบายแก้เศรษฐกิจปากท้อง ฟื้นฟูท่องเที่ยวเมืองนครศรีธรรมราช เล็งนำช้างแคระคืนถิ่นป่าพรุควนเคร็ง อะเมซอนเมืองไทย
“เจพาร์ค ศรีราชา” จัดพิธีอัญเชิญเทพเจ้าโอคุนินุชิ ประทับในศาลเจ้าโอคุนิ ศาลเจ้าชินโตแห่งที่สามของประเทศไทย
ก้าวสู่ปีที่ 5 Future Food Leader Summit 2025 ชวนสร้างไอเดีย บนแนวคิด “อาหารฟื้นฟูเพื่ออนาคต” เปิดตัว Future Food AI ครั้งแรกในเอเชีย
TIPH คว้าอันดับเครดิตองค์กรสูงสุดของกลุ่มโฮลดิ้งส์ ตอกย้ำศักยภาพผ่านการประเมินจากทริสเรทติ้ง
"บิ๊กเต่า" เตรียมส่งทีมสอบ "บอสพอล" ปมเส้นเงิน 8 แสน โยงแม่นักการเมือง ส.
"วราวุธ" ขออย่านำ "เกาะกูด" เป็นประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ ชี้ MOU 44 ไม่เกี่ยวข้อกังวลทุกฝ่าย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น