เครือข่ายกัญชา ดีเดย์ 16 พ.ค. รวมตัวคุยรมว.สาธารณสุข เร่งทำข้อมูลข้อดี ข้อเสีย เทียบบุหรี่-เหล้าให้เห็น ก่อนขึ้นบัญชียาเสพติด

เครือข่ายกัญชา ดีเดย์ 16 พ.ค. รวมตัวคุยรมว.สาธารณสุข เร่งทำข้อมูลข้อดี ข้อเสีย เทียบบุหรี่-เหล้าให้เห็น ก่อนขึ้นบัญชียาเสพติด

เครือข่ายกัญชา ดีเดย์ 16 พ.ค. รวมตัวคุยรมว.สาธารณสุข เร่งทำข้อมูลข้อดี ข้อเสีย เทียบบุหรี่-เหล้าให้เห็น ก่อนขึ้นบัญชียาเสพติด

ภายหลังจากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ว่าได้มีการพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เรื่องนำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดประเภท 5 ให้ใช้เฉพาะทางการแพทย์เท่านั้น ว่า เบื้องต้น ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่รายละเอียดก็เป็นไปตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอ และยังมีรายละเอียดที่ต้องดำเนินการอีกพอสมควร และทุกภาคส่วน ก็มีสิทธิที่จะเสนอความเห็น แต่ทั้งตน และนายอนุทิน ได้เห็นตรงกันว่า จะต้องยึดประโยชน์ประชาชน และขั้นตอนภายหลังจากนี้ขอให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เป็นผู้ชี้แจง

ส่วนกรณีที่มีผู้ที่เสียประโยชน์จากการที่รัฐบาลจะนำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดนั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาล พร้อมรับฟังทุกภาคส่วน

ขณะที่ ในส่วนผู้ที่เปิดร้านขายผลิตภัณฑ์จากกัญชา หรือบางครัวเรือนมีการปลูกกัญชาไปแล้ว จะต้องดำเนินการอย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี บอกว่า ก็ต้องว่ากันไป เพราะรัฐบาลยึดเอาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก แต่ถ้าใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ ก็ต้องไปดูในรายละเอียด ซึ่งทั้งหมด จะต้องขึ้นอยู่กับรายละเอียด   ทั้งนี้ระหว่างการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี นายอนุทินก็ยืนอยู่ข้างๆ ด้วย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุดนายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีรัฐบาลมีนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ผลักดันการคืนสถานะกัญชากลับเป็นยาเสพติด ว่า เครือข่ายฯ ไม่เห็นด้วยที่จะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นการนำกลับทั้งหมด หรือกลับเป็นยาเสพติดเพียงบางส่วนก็ตาม แต่เห็นว่าการคุมโดยใช้กฎหมายระดับพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะจะสามารถนำเอาส่วนที่ดีของกัญชามาใช้ประโยชน์ได้ และควบคุมส่วนเสียได้

“แต่เมื่อไรก็ตามที่กลับไปเป็นยาเสพติด จะทำอะไรไม่ได้เลย และจะมีกติกาเฉพาะให้คนที่มีคุณสมบัติเท่านั้นที่ปลูกได้ นั่นก็คือ การกีดกัน จึงเห็นว่า ออกเป็น พ.ร.บ.ดีกว่า ดังนั้น ในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ เครือข่ายฯ จะรวมตัวกันไปที่ สธ. เพื่อขอให้ สธ.ทำเรื่องเดียว คือ การทำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เปรียบเทียบระหว่างบุหรี่ สุรา และกัญชาว่า 3 สิ่งนี้ สิ่งใดมีประโยชน์ต่อร่างกาย และสิ่งใดมีโทษต่อร่างกาย อย่างไรแล้ว เอาขอเท็จจริงนี้ในการกำหนด ทั้งนี้จะให้เวลา 15 วัน ในการดำเนินการจัดทำข้อมูลตรงนี้ หาก สธ.ไม่ทำ ก็จะปักหลักค้างคืนที่กระทรวงจนกว่า สธ.จะทำงานวิชาการชิ้นนี้ออกมาให้สังคมเห็น ถ้าทำแล้ว พบว่ากัญชาร้ายมากก็เอากลับไปเป็นยาเสพติดได้เลย เราไม่ขัด” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เครือข่ายฯ มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับข้อดี ข้อเสีย ของกัญชา สุรา และบุหรี่ไว้แล้วหรือไม่ นายประสิทธิชัย กล่าวว่า ตอนนี้เรื่องบุหรี่ และเหล้ามีงานวิจัยออกมาเป็นร้อยชิ้น เมื่อไรที่ค้นอินเตอร์เน็ตจะเจอว่า ก่อโรคอะไร บุหรี่เป็นสาเหตุให้คนไทยเสียชีวิตปีละกว่า 7 หมื่นคน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็เป็นสาเหตุของการก่อโรคเสียชีวิต รวมถึงอุบัติเหตุตั้งไม่รู้เท่าไรต่อปี

“ขณะที่กัญชา เมื่อค้นอินเตอร์เน็ตว่า มีอันตรายอะไรบ้าง ก็จะมีแค่ข่าวว่ามีฤทธิ์ต่อจิตประสาท ทำให้เกิดอาการฟั่นเฟือน ไม่มีงานวิจัยเป๊ะๆ ออกมา แต่เมื่อค้นว่า กัญชามีประโยชน์อย่างไร ก็จะพบงานวิจัยจำนวนมาก เป็นการพิสูจน์ว่า ต้นไม้ต้นหนึ่งที่หมอพื้นบ้านใช้ในการรักษาสุขภาพกันมา คือ ยา แต่ปัญหาคือ มีการปั่นจนทำให้กัญชาถูกมองเป็นปีศาจร้าย” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว

เมื่อถามว่า รัฐมนตรีว่าการ สธ. ระบุว่า 2 ปี ที่มีการปลดล็อก ทำให้วัยรุ่นสูบมากขึ้น ไอคิวลดลงกว่า 8-9 จุด นายประสิทธิชัย กล่าวว่า เรื่องนี้ ต้องดู 2 อย่าง 1.ข้อเท็จจริงที่บอกว่า เยาวชนสูบเพิ่มขึ้น 10 เท่า ตนกำลังตามหางานวิจัยที่ว่านี้ เนื่องจากกัญชามีฤทธิ์กล่อมประสาท ทำให้ง่วงนอน ถ้าสืบจากร้านกัญชา จะพบว่า คนที่มาซื้อคือคนที่สูบมาก่อนจะปลดล็อก อายุ 40 ปีขึ้นไป คนสูบรายใหม่น้อยมาก จนร้านกัญชาต้องปิดตัวไปมาก ดังนั้น ที่บอกว่า เยาวชนเสพมากนั้น เอาข้อมูลมาจากที่ไหน ทำวิจัยถูกต้องหรือไม่ 2.ในแง่ของกฎหมาย ปัจจุบัน มี พ.ร.บ.สมุนไพรที่มีรายละเอียดควบคุมกัญชา ห้ามสูบ ใครจะนำกัญชาไปใช้ต้องขออนุญาต แต่ต้องบอกว่าไม่มีความรัดกุม ซึ่งหากเป็น พ.ร.บ.จะมีอำนาจ มีเจ้าหน้าที่ มีงบประมาณ เป็นโครงสร้างที่สามารถจัดการกัญชาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า

 

“เราก็เรียกร้องมา 2 ปีแล้วเช่นกัน ว่า ให้ออก พ.ร.บ.มาควบคุม พูดง่ายๆ คือ ตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เล่นการเมืองมาตลอด ไม่ยอมผ่าน พ.ร.บ. ซึ่งหากผ่าน ผมคิดว่าเป็นกฎหมายที่ควบคุมได้ดี หมวดว่าด้วยการคุมครองผู้บริโภค ค่อนข้างรัดกุม บทลงโทษสูง ในบรรดาเมื่อเทียบกับสิ่งอื่นที่คุ้มครองเยาวชน ถือว่า โทษหนักมากเพราะมีความเป็นห่วงจากหลายองค์กร แต่ ณ ตอนนี้ รัฐบาลชุดนี้ก็ยังไม่ทำ ตอนนี้มี พ.ร.บ. 4 ฉบับที่อยู่บนโต๊ะนายกรัฐมนตรีมาหลายเดือนแล้ว แต่ไม่ยอมเซ็น ทั้งๆ ที่หากเซ็นแล้วก็จะเข้าสู่วาระ 1 สภาผู้แทนราษฎร คลอด พ.ร.บ.ออกมาแล้ว ทุกอย่างก็จะอยู่ภายใต้การควบคุม แต่รัฐบาลก็ไม่ทำ แต่เลือกที่จะเอากลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งเราคิดว่าไม่ได้ดำเนินการอยู่บนข้อเท็จจริง” นายประสิทธิชัย กล่าว

นอกจากนี้ นายประสิทธิชัย กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ตนมองว่า เป็นเรื่องการเมือง ต้องไปดูกระบวนการในรอบที่แล้ว ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ผ่านขั้นตอนตามกฎหมายมากี่ชุด ผ่านวาระ 1 วาระ 2 แล้วว่า กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด ผ่านการรับรองของสภาฯ แล้ว คำถามคือ วันนี้พรรคเพื่อไทย (พท.) จะเอากลับไปเป็นยาเสพติด มันมีข้อเท็จจริงใหม่อย่างไรในรอบ 2 ปีที่ปลดล็อก ที่ทำให้เกิดความรุนแรงแล้วต้องเอากลับไปเป็นยาเสพติด ที่อ้างว่าเยาวชนเสพเพิ่ม 10 เท่า ก็ต้องเอางานวิจัยมาอ้างอิงก่อน เพราะข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น แต่เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า อะไรที่ใหม่ วัยรุ่นอยากลองเสมอ เหมือนกับตอนที่ปลดล็อกกระท่อม แต่เพียง 3 เดือนเท่านั้น เขาก็ไม่ลองอีก เพราะมีฤทธิ์กล่อม ไม่ใช่ฤทธิ์กระตุ้น

เมื่อถามว่า เครือข่ายฯ มองนโยบายของรัฐบาลต่อกัญชา สุรา บุหรี่ ปัจจุบัน อย่างไรบ้าง นายประสิทธิชัย กล่าวว่า ถ้าสังเกตรัฐบาลนี้ เฉพาะเรื่องเหล้า มีการเปิดให้บริโภคกันมากขึ้น

“เริ่มแรกจากการให้เปิดถึงตี 4 แล้วตอนหลังทำท่าจะให้ซื้อขายได้ 24 ชั่วโมง มองว่าการที่รัฐส่งเสริมบุหรี่ เพราะรัฐเป็นเจ้าของ รัฐได้เงิน ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลาดกว่า 2 แสนล้านบาท จะมี 2 ตระกูลใหญ่คุมอยู่ ก็ต้องมีหน้าที่ส่งเสริมให้มีการบริโภค ส่วนกัญชาซึ่งเป็นธุรกิจแสนล้านบาท ถ้าเมื่อไรที่มีผู้ผลิตน้อยราย ก็จะสามารถควบคุมได้ คนทั้งประเทศก็ต้องบริโภคของจากผู้ผลิตน้อยราย แล้วใน 3 สิ่งนี้ ถ้าใช้ข้อเท็จจริงมาคุม คิดว่าสิ่งที่ต้องควบคุมเป็นยาเสพติด คือ บุหรี่ กับ เหล้า มากกว่า เพราะข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์พบว่าก่อโรค ทำคนเสียชีวิตมาก แต่คนเคยชินไปแล้ว” นายประสิทธิ์ชัย กล่าว

นายประสิทธิ์ชัย กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ไม่ได้จะเรียกร้องให้เอาเหล้า บุหรี่เข้าเป็นยาเสพติด แต่ที่เรียกร้อง คือ ในเมื่อรัฐบาลอนุญาตให้ 2 สิ่งนี้อยู่ในสังคมได้ แล้วเหตุใดจะไม่อนุญาตให้พืชต้นหนึ่งอยู่ในสังคมได้ภายใต้กฎหมายควบคุม

“ไม่ใช่เสรีแบบนี้ นี่คือสิ่งที่เราต้องการ และถ้ารัฐบาลไม่รับคอนเซ็ปต์นี้ แสดงว่า รัฐบาลมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องในเชิงการตัดสินใจเป็นเรื่องแปลกที่ต้องให้ประชาชนมาเรียกร้องให้ทำข้อมูล ข้อเท็จจริงออกมา เพื่อตัดสินนโยบาย จริงๆ แล้ว สธ.ควรทำข้อเท็จจริงออกมาตั้งแต่ต้นแล้ว ตอน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เป็นรัฐมนตรีว่าการ สธ. เราก็ไปเรียกร้องให้ทำข้อมูลเปรียบเทียบ 3 สิ่งนี้ เพื่อให้สังคมเห็นชัดเจนถึงอันตราย อย่างบุหรี่ไฟฟ้า ตอนนี้เยาวชนห้อยคอสูบเยอะมาก แต่รัฐบาลไม่ทำอะไร กลับมาจับจ้องกัญชาที่นานๆ จะมีข่าวเยาวชนสูบ คิดว่ามันเพี้ยนไปจากข้อเท็จจริงมาก ในสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ” นายประสิทธิชัย กล่าวและว่า ขณะนี้ข่าวดังกล่าวได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศ ทั่วโลกกำลังสนใจมากว่าเกิดอะไรขึ้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ท็อปนิวส์ร่วมยินดี "ยุพา" รับตำแหน่งปลัดสำนักนายกฯ พร้อมนำความรู้ความสามารถ ขับเคลื่อนงานอย่างเต็มกำลัง
ระทึก! ไฟไหม้ ‘เครื่องบินรัสเซีย’ กลางรันเวย์ในตุรกี
“บิ๊กเต่า” ลั่น เตรียม “กุญแจมือ” เป็นของขวัญเหล่าอินฟลูฯ
ผู้นำสูงสุดอิหร่านชี้เนทันยาฮูควรโดนโทษประหาร
ฮิซบอลเลาะห์ยิงจรวด 250 ลูกถล่มอิสราเอลในวันเดียว
“ไอซ์ รักชนก” ระทึกหนัก ศาลนัดพิจารณาคำร้องขอถอนประกันคดี 112 พรุ่งนี้
รู้ตัวแล้วโจรขโมยรองเท้าที่โรงเรียนอนุบาลญี่ปุ่น
หนุ่มเกาหลีใต้ถูกจำคุกหลังกินหนักหวังหนีทหาร
“อานนท์ นำภา” ยื่นขอประกันตัว คดี112 ลั่นยอมรับทุกเงื่อนไขศาล ยินดีติดกำไล EM
"สภาพัฒน์" สรุปไตรมาส 3/67 หนี้สินครัวเรือนลดลง ว่างงานพุ่ง 4.1 แสนคน จับตา NPL สูงขึ้น 12.2%

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น