แคนาดาเกิดไฟป่าครั้งใหญ่ทั่วภาคตะวันตกอีกครั้ง ทางการเร่งสั่งอพยพประชาชน เตือนภัยสภาพอากาศเลวร้าย
ในวันอาทิตย์ ไฟป่าครั้งใหญ่ครั้งแรกของฤดูกาลได้ลุกลามไปทั่วพื้นที่ประมาณ 1 หมื่นเฮคเตอร์ หรือกว่า 6 หมื่น 2 พัน 500 ไร่ ในขณะที่ทางการของรัฐในบริติชโคลัมเบีย ต้องออกคำสั่งให้ ประชาชนกว่า 3 พัน 5 ร้อยคน ในเขตเทศบาลภูมิภาคนอร์เทิร์น ร็อกกี้และ ฟอร์ต เนลสัน เฟิร์สเนชั่นส์ อพยพออกจากพื้นที่ หลังไฟไหม้ลุกลามเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า กินพื้นที่กว่า 2 หมื่น 5 พัน 850 ไร่
ส่วนรัฐอัลเบอร์ตาที่อยู่ติดกัน ทางการได้สั่งให้ประชาชน ในเขตฟอร์ตแมคเมอร์เรย์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางน้ำมัน และเคยเผชิญกับความเสียหายอย่างมากมายจากไฟป่าในปี 2559 เตรียมพร้อมสำหรับคำสั่งอพยพ โดยขณะนี้อัลเบอร์ตามีไฟป่ารุนแรงเกิดขึ้น 2 จุดและยังควบคุมไม่ได้ อีกทั้งยังมีมีบริเวณที่ไฟยังคุกรุ่นอยู่ถึง 43 จุด ไฟป่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันศุกร์ กลายเป็นลุกลามกินบริเวณกว้างราว 3 หมื่น 4 พัน 375 ไร่ในช่วงสุดสัปดาห์ แม้ขณะนี้หลายพื้นที่ไฟจะเริ่มดับลง แต่คาดว่าจะสามารถลุกไหม้ขึ้นอีก เมื่ออากาศร้อนขึ้น อีกทั้งต้องเฝ้าระวัง ลมจากทิศตะวันออกเฉียงใต้จะพัดพาไฟป่า ออกไปจากทางหลวงสายหลัก และมุ่งหน้าสู่แม่น้ำอาทาบาสกา
เหตุไฟป่าในหลายพื้นที่ ทำให้หน่วยงานสิ่งแวดล้อมได้ออกแถลงการณ์ เฝ้าระวังคุณภาพอากาศที่ย่ำแย่ ตั้งแต่รัฐบริติชโคลัมเบียไปจนถึงรัฐออนแทรีโอ
เมื่อปีที่แล้ว แคนดาเพิ่งเจอกับไฟป่ารุนแรงกินวงกว้างหลายล้านเอเคอร์ ซึ่งกลุ่มควันไฟลอยปกคลุมไปถึงชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ และควันบางส่วนลอยไกลไปถึงพื้นที่บางส่วนของยุโรป มีผู้คนต้องอพยพประมาณ 1 แสน 2 หมื่นคน ซึ่งในครั้งนี้รัฐบาลกลางเตือนว่า แคนาดาเสี่ยงเผชิญกับฤดูไฟป่าระดับหายนะอีกครั้ง เนื่องจากคาดการณ์ว่า อุณหภูมิฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะสูงกว่าปกติทั่วพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ โดยได้แรงหนุนจากสภาพอากาศเอลนิโญ และในฤดูหนาวที่ผ่านมา แคนดาก็เจอกับฤดูหนาวที่ไม่หนาวนัก โดยมีหิมะตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ย หรือไม่มีหิมะตกเลยในหลายพื้นที่