“บิ๊กโจ๊ก” มั่นใจปมศาลยกฟ้องฯ ไม่กระทบการกลับคืนตำแหน่ง ชี้เป็นคนละเรื่องกัน

“บิ๊กโจ๊ก” มั่นใจปมศาลยกฟ้องฯ ไม่กระทบการกลับคืนตำแหน่ง ชี้เป็นคนละเรื่องกัน

Top news มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 ได้อ่านคำพิพากษาชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ในคดีที่ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ คนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ กับพวกรวม 10 ราย ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจชุดตรวจค้นจับกุมว่า ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยมิชอบข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และมาตรา 157

 

โดย พ.ต.ท.คริษฐ์ โจทก์คดีนี้ กล่าวฟ้องว่า ได้ถูกจำเลยทั้งสิบซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันจับกุมโจทก์ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 896/2566 ลงวันที่ 22 ก.ย. 2566 และเข้าตรวจค้นบ้านในหมู่ 11 ตำบลมาบแค อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ตามหมายค้นของศาลอาญา ที่ 1151/2566 ลงวันที่ 24 ก.ย.2566 กล่าวหาว่า โจทก์สมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน

แต่จำเลยทั้งสิบได้ตรวจค้นจับกุมโจทก์พร้อมตรวจยึดทรัพย์สิน โดยโจทก์ได้โต้แย้งและคัดค้านทรัพย์สินบางรายการไม่ได้เกี่ยวข้องตามข้อหาแต่อย่างใด และทรัพย์บางรายการก็เป็นของใช้ส่วนตัวของโจทก์ และบางรายการก็เป็นของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่จำเลยทั้งสิบคนกลับกระทำการบังคับ ขู่เข็ญ ให้โจทก์จำยอม และบังคับยึดทรัพย์ต่าง ๆ ไปโดยไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียแก่โจทก์และบุคคลอื่น

 

 

โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 ได้พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ ประกอบข้อเท็จจริงตามรายงานเจ้าพนักงานคดีตามรายงานเจ้าพนักงานคดีแล้วเห็นว่า คดีมีข้อเท็จจริงที่สามารถวินิจฉัยได้ จึงมีคำสั่งให้งดกระบวนพิจารณาที่จะมีต่อไป และยกเลิกนัดกำหนดแนวทางไต่สวนมูลฟ้อง โดยวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสิบได้ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบแล้ว การกระทำไม่เป็นความผิด พิพากษายกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ชุดตำรวจที่ไปพัวพันคดีเว็บการพนัน เเละถูกจับกุมซึ่งเป็นลูกน้องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยื่นฟ้องชุดพนักงานสอบสวนเเละชุดจับกุมหลายคดี เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในศาลอาญาคดีทุจริตฯ ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องมาโดยตลอด

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุดวันที่ 16 พ.ค.67  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 ยกฟ้องเจ้าหน้าที่ที่บุกค้นบ้านว่า จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อกรณีที่ตนได้ยื่นร้องต่อ สตช. และ ป.ป.ช. หรือไม่ ว่า ตนไม่ทราบว่าลูกน้องไปยื่นฟ้องอย่างไร แต่สำหรับตนเองยังไม่ได้ยื่นฟ้องอะไรทั้งสิ้น มีเพียงการยื่นต่อ ป.ป.ช.ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน และก็เป็นคนละเรื่องกับการกลับคืนสู่ตำแหน่ง เพราะการกลับคืนสู่ตำแหน่งเป็นเรื่องคำสั่งทางปกครอง ส่วนการฟ้องร้องการเป็นเรื่องทางอาญา และใช้กฎหมายคนละฉบับ

 

 

 

 

 

 

 

 

ส่วนความมั่นใจที่จะกลับเข้าไปสู่ตำแหน่งนั้น ขอยังไม่ตอบเพราะขณะนี้อยู่ในกระบวนการทั้งหมดแล้ว

 

 

 

ขณะที่การคัดเลือก ผบ.ตร.ที่ใกล้จะมาถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าทั้งบิ๊กต่อและบิ๊กโจ๊กจะกลับไปรับตำแหน่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ก็เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาทั้งหมด ต้องถามนายกรัฐมนตรีในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในส่วนของตนยังคงทำหน้าที่ตามปกติอะไรที่ทำให้ประชาชนได้ก็ทำ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น