พศ.เคลื่อนไหว แถลงชัดทุกประเด็น ยกเนื้อหา “พระไตรปิฎก” หักล้างคำสอน “ลัทธิเชื่อมจิต”

พศ.เคลื่อนไหว แถลงชัดทุกประเด็น ยกเนื้อหา “พระไตรปิฎก” หักล้างคำสอน “ลัทธิเชื่อมจิต”

พศ.เคลื่อนไหว แถลงชัดทุกประเด็น ยกเนื้อหา “พระไตรปิฎก” หักล้างคำสอน “ลัทธิเชื่อมจิต”   Top News รายงาน 

 

ลัทธิเชื่อมจิต

ข่าวที่น่าสนใจ

 

17 พ.ค.2567 คณะทำงานตรวจสอบ กลั่นกรอง ข้อมูล ข่าวสารและการกระทำอันอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้มีเอกสารชี้แจง ระบุว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวทางสื่อมวลชนเกี่ยวกับการนำเอาหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนามากล่าวอ้าง ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าคำสอนนั้นเป็นไปตามหลักธรรมที่ปรากฎในพระไตรปิฎกหรือไม่ และถามถึงอำนาจหน้าที่ของพศ. ว่า สามารถดำเนินการเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวได้อย่างไรหรือไม่ นั้น พศ. ขอชี้แจงกรณีดังกล่าว ดังนี้

 

1.พศ.มีภารกิจเกี่ยวกับการสนองงานคณะสงฆ์ตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และกิจการทางพระพุทธศาสนา ตามพ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ.2545 และกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ศ.2557 โดยเป็นภารกิจโดยทั่วไปเกี่ยวกับกิจการทางพระพุทธศาสนา กรณีมีการเผยแพร่หลักธรรมที่เข้าข่ายบิดเบือนหรือผิดเพี้ยนจากหลักพระพุทธศาสนา พศ.มิได้นิ่งเฉย โดยได้มอบให้นักวิชาการศาสนาในสังกัดเฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบข้อมูลที่บุคคลและกลุ่มบุคคลเผยแพร่ออกมาทางโซเชียลมีเดียตั้งแต่ต้นมาโดยลำดับ และได้ประสานไปยังหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่แล้ว

 

2.ประเด็นการเชื่อมจิตนั้น ไม่ปรากฎหลักฐานในพระไตรปิฎกแต่อย่างใด การเชื่อมจิตเพื่อให้บุคคลเข้าถึงธรรม ขัดกับธรรมคุณ 6 ประการ ซึ่งธรรมของพระพุทธองค์นั้น ผู้ปฏิบัติจะพึงเห็นชัดด้วยตนเอง คือ ผู้ใดปฏิบัติ ผู้ใดบรรลุ ผู้นั้นย่อมเห็นประจักษ์ด้วยตนเองไม่ต้องเชื่อตามคำของผู้อื่น ผู้ใดไม่ปฏิบัติ ไม่บรรลุ ผู้อื่นจะบอกก็เห็นไม่ได้ อีกทั้งวิญญูชนพึงรู้เฉพาะตน คือ เป็นวิสัยของวิญญูชนจะพึงรู้ได้ เป็นของจำเพาะตน ต้องทำจึงเสวยได้เฉพาะตัว ทำให้กันไม่ได้ เอาจากกันไม่ได้ และรู้ได้ประจักษ์ที่ในใจของตนนี่เอง (ที่มา “พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

 

3. ประเด็นที่มีบุคคลกล่าวอ้างว่าเป็นอนาคามีแล้วลงมาเกิดเป็นพญานาคก่อน แล้วมาเกิดเป็นมนุษย์ชาตินั้น ตามหลักพระพุทธศาสนาผู้ที่บรรลุธรรมถึงขั้นอนาคามี จะไม่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก(ไม่กลับมาสู่ความเป็นอย่างนี้ คือ อัตภาพแห่งมนุษย์) ตามหลักธรรมที่ปรากฏในพระไตรปิฎก (พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก ติกนิบาต เล่มที่ 17 ฉบับมหาจุฬาฯ ข้อ 96)

 

4. ประเด็นที่มีบุคคลกล่าวอ้างว่าเป็นลูกพระพุทธเจ้าในชาติก่อนเป็นเจ้าชายสิทธัตถะมาเกิดนั้น พระไตรปิฎกเล่มที่ 3 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 25 ฉบับมหาจุฬาฯ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค 2 พุทธวงศ์-จริยาปิฎก ปรากฏพระนามของพระพุทธเจ้าและพระโอรสก่อนออกผนวชแต่ละพระองค์ไว้แล้วอย่างชัดเจน หากผู้ใดกล่าวอ้างว่าเป็นบุตรของพระพุทธเจ้าแล้ว ย่อมสามารถขยายใจความและระบุพระนามพระพุทธเจ้า ในฐานะพระบิดาและพระนามของตนในฐานะพระโอรสในชาติก่อน ๆ ได้ อนึ่งชื่อเรียกพระพุทธศากยมุนี เป็นคำพุทธพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าในอดีตที่ทรงพยากรณ์แด่พระโคตมพุทธเจ้าว่า จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตนามว่า พระพุทธศากยมุนี หรือพระโคตมพุทธเจ้านั่นเอง แต่พระโอรสของพระพุทธโคตมพุทธเจ้ามีพระองค์เดียวคือ “พระราหุล” และพระราหุลนั้นท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ย่อมไม่มาเกิดอีก (พระไตรปิฎก เล่มที่ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 6 ฉบับมหาจุฬาฯ มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ สฬายตนวรรค จฬราหุโลวาทสูตร)

 

5.ประเด็นที่มีบุคคลกล่าวอ้างว่าพระพุทธเจ้าและเทพเกลียดดอกไม้สีเหลืองให้เอาดอกไม้สีเหลืองออกจากโต๊ะหมู่บูชานั้น ไม่ปรากฎหลักฐานในพระไตรปิฎก และขัดกับพระพุทธจริยา (บำเพ็ญบารมี 10 ประการ) โดยเฉพาะเมตตาบารมีและอุเบกขาบารมี (อปทานะ ภาคที่ 2 จริยาปิฎก) และขัดแย้งกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ซึ่งรวมเป็นหัวใจคำสอนของพระพุทธศาสนา คือ ละความชั่ว บำเพ็ญความดี และทำจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ (พระไตรปิฎกเล่มที่ 10 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 2 ฉบับมหาจุฬาฯ ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปทานสูตร ทรงแสดงพระโอวาทปาติโมกข์)

 

6.ประเด็นที่มีบุคคลกล่าวอ้างว่าได้แสงสีทองจากพระพุทธเจ้ามาเชื่อมจิตนั้น ในหลักอภิญญา 6 ไม่มีการเชื่อมจิตและในหลักของพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท พระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว จะไม่ปรากฎรูปนามอีกต่อไป ดังความที่ว่า “ชาติสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป” (พระไตรปิฎกเล่มที่ 13 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 5 มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ปริพพาชกวรรค อัคคิวัจฉโคตตสูตร)

 

7.ประเด็นที่มีบุคคลกล่าวอ้างว่าได้รับบัญชาจากพระพุทธเจ้ามาเพื่อฟื้นฟูศาสนานั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงมอบหมายให้ผู้ใด แต่ตรัสกับพระอานนท์ ว่าธรรมและวินัยที่พระองค์แสดงแล้ว บัญญัติแล้ว เมื่อพระองค์ล่วงไป จักเป็นพระศาสดาของท่านทั้งหลาย (พระไตรปิฎกเล่มที่ 10 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 2 ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร พระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต)

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น