logo

“เอกภพ” นำทีมสายไหมต้องรอด เข้าเจรจาสาวจิตป่วน คุกคามชาวบ้าน ส่งตัวบำบัดรักษา

สายไหมต้องรอดลงพื้นที่ เข้าเจรจากับสาวจิตป่วน ญาติระอา ถูกทิ้งให้อาศัยตามลำพัง ก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนรบกวน ให้ผู้พักอาศัยในละแวกใกล้เคียง ทั้งด่าว่า ไล่ทำร้าย ขับรถบีบแตรไปมา ยาว5-6 ปี ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทำอะไรไม่ได้ สุดท้าย เอกภพ เหลืองประเสริฐ รับปากพาไปออกทีวีเพื่อร้องขอความเป็นธรรมแลกกับการยอมเข้าเยียวยาสภาพจิตเรื่องจึงจบด้วยดี

“เอกภพ” นำทีมสายไหมต้องรอด เข้าเจรจาสาวจิตป่วน คุกคามชาวบ้าน ส่งตัวบำบัดรักษา – Top News รายงาน

เอกภพ

 

วันนี้ ( 18 พ.ค. 67) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นิมิตรใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบจากกรณี ชาวบ้าน ที่พักอาศัยในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ภายในซอยหทัยราษฎร์ 39 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา เข้าร้องเรียน ว่า ถูกหญิงรายหนึ่ง ลักษณะคล้ายผู้ป่วยทางจิต สร้างความเดือดร้อนรำคาญ ด้วยการตะโกนด่า โวยวายและหาเรื่องชาวบ้านในหมู่บ้าน รวมทั้งมีพฤติกรรมแปลก ๆ เช่น ขับรถบีบแตรส่งเสียงดังเวลากลางคืน จุดไฟเผาสิ่งต่าง ๆ และอีกหลายพฤติกรรมที่ส่อคุกคามชาวบ้านในหมู่บ้าน จนเป็นที่เอือมระอา

จากการพุดคุยสอบถาม เจ้าของร้านขายของชำ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียง ระบุว่า ก่อนหน้านี้ หญิงรายนี้ พักอยู่กับพี่สาว สามี และลูก รวม 4 คน ซึ่งปกติจะเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร กระทั่งช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา หญิงคนดังกล่าวก็เริ่มมีอาการทางจิต อาละวาด ตะโกนด่าว่าผู้คนที่ผ่านไปมา หากเป็นผู้ชายก็จะกล่าวหาว่าจะเข้าไปล่วงละเมิดทางเพศ ถ้าเป็นหญิงก็จะกล่าวหาว่าเป็นโสเภณี และด่ากราดด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทำให้คนในบ้านได้รับความอับอาย ทนไม่ไหวจนต้องทยอยย้ายหนีออกไป จนเหลือหญิงคนนี้เพียงแค่คนเดียว

คุณลุงบอกอีกว่า ทุกวันนี้ตนต้องทนอยู่อย่าง หวาดระแวงไม่ได้หลับนอนพักผ่อน จะทำอะไรก็ต้องคอยระวัง เพราะเกรงจะถูกหญิงคนนี้ด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย นอกจากนี้ ยังเคยออกมา คุกคามลูกค้าที่มาซื้อของร้านตนเอง โดยครั้งหนึ่งเคยถึงกับทำร้ายชายคนหนึ่ง ด้วยการจิกหัวและพยายามไล่ฟันด้วยมีด อ้างว่า ชายคนดังกล่าวพยายามที่จะบุกเข้าไปข่มขืน แต่ชายคนนั้นไม่ได้ต่อสู้ เพราะมองว่าเป็นผู้หญิง จึงทำได้เพียงแค่ถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน และเมื่อปีกว่าๆก็เคยขับรถวนเวียนไปมาในหมู่บ้านและบีบแตร แต่ตอนนี้รถคันดังกล่าวถูกยึดไปแล้ว

 

ส่วนตัวไม่เคยได้พูดคุยใด ๆ กับหญิงคนนี้ และสมาชิกในครอบครัว เพราะเจ้าตัวเอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน เจ้าหน้าที่เคยแจ้งความกับตำรวจ สน.นิมิตรใหม่ หลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากไม่มีญาติไปแสดงตนเพื่อให้ปากคำใด ๆ จนเป็นที่เอือมระอาของชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ จึงต้องการอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้การช่วยเหลือ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

หลังทราบข้อมูล นายเอกภพ พร้อมทีมงาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ขอเจรจากับหญิงผู้ก่อเหตุ ก่อนที่หญิงคนดังกล่าวเปิดประตูพร้อมอนุญาตให้สื่อได้พูดคุยภายในบ้าน โดยเธออ้างว่า ตนทำธุรกิจเกี่ยวกับการออกแบบสินค้าและงานศิลปะหลายชนิดที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา และเกรงจะถูกชาวบ้านขโมยสินค้าซึ่งเป็นลิขสิทธิ์ของตน

ส่วนที่เคยก่อเหตุ ด่าทอทำร้ายชายตามที่ปรากฏในคลิปและผู้ชายทั่วไปในหมู่บ้านนั้น นั้นอ้างว่า ตนเคยถูกกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาคุกคามจนเกิดความอันตราย จึงต้องตอบโต้ เพื่อป้องกันตัว พร้อมอ้างอีกว่า เธอเคยถูกคนบุกเข้ามาในบ้านเพื่อมาทำลายทรัพย์สินผลงานศิลปะของตน โดยเฉพาะมาสคอต ของตนอีกด้วย พร้อมกันนี้ ยังได้โชว์หุ่นมาสคอตที่อ้างว่าถูกคนบุกเข้ามาทำลายด้วย

ส่วนกรณีที่ชาวบ้านระบุว่าเธอขับรถและบีบแตรไปมาในหมู่บ้าน ตนจำเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ ไม่ทราบว่า รถคันนั้นเป็นรถของตนเองหรือไม่ เนื่องจากไม่เห็นเลขทะเบียน พร้อมท้าให้พิสูจน์เลขทะเบียนรถคันดังกล่าวว่าเป็นของตนหรือไม่ หากเห็นเลขทะเบียนเป็นรถของตนก็ยอมรับ อีกทั้งยังระบุอีกว่า คลิปดังกล่าวอาจจะเป็นคลิปที่ชาวบ้านตัดต่อหรือสร้างขึ้นมาเพื่อปรักปรำตน

ยืนยันว่า ตนถูกชาวบ้านคุกคามมา 5-6 ปีแล้ว จึงอยากจะร้องเรียนกับผ่านสื่อเหมือนกัน แต่เนื่องจากไม่มีโอกาสที่จะได้พบกับสื่อแต่อย่างใด วันนี้จึงอยากจะฟ้องสื่อมวลชนว่า ตนต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกคุกคามจากชาวบ้าน อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นว่า ลักษณะการตอบคำถามของหญิงคนดังกล่าวนั้นเป็นการพูดจาวกไปวนมาและมีอาการมือสั่นอย่างเห็นได้ชัด

ด้าน นายเอกภพ เปิดเผยหลังจากพาหญิงที่ก่อเหตุคุกคามคนในหมู่บ้านย่านซอยหทัยราษฎร์ 39 ส่งไปบำบัดรักษาว่า เธอมีอายุประมาณ 38 ถึง 39 ปี พ่อแม่ทำงานอยู่ต่างประเทศ มีอาการป่วยทางจิตจริง มีประวัติเข้ารักษาที่สถาบันสมเด็จเจ้าพระยา โดยในการพูดคุยหญิงรายดังกล่าวพยายามเรียกร้อง ให้พาไปออกรายการโทรทัศน์ เนื่องจากต้องการร้องเรียน ร้องเรียนว่าถูกชาวบ้านคุดคามตนและทีมงาน จึงระบุว่า ยินดีที่จะพาเธอไปออกรายการ แต่จะต้องให้แพทย์ตรวจสุขภาพร่างกายและประเมินอาการทางจิตเสียก่อน เธอเลยยอมที่จะเข้าสู่กระบวนการรักษาและไปพร้อมกับทีมงาน โดยหลังจากนี้ จะดำเนินการพาหญิงผู้ก่อเหตุไปลงบันทึกประจำวันและทำหนังสือส่งตัวที่ สน.นิมิตรใหม่ ก่อนที่จะนำเธอไปรักษาอาการทางจิตที่สถาบันสมเด็จเจ้าพระยาต่อไป รวมทั้งเตรียมที่จะประสานกับญาติของหญิงผู้ก่อเหตุให้รับทราบถึงกรณีที่เกิดขึ้นด้วย

 

ส่วนเรื่องทางคดีอาญาที่ชาวบ้านได้แจ้งความไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากกฎหมายระบุว่า บุคคลที่ป่วยทางจิต ไม่สามารถดำเนินคดียาได้ จนกว่าแพทย์จะประเมินแล้วว่า มีอาการปกติ ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ แต่หลังจากนี้หากหญิงคนดังกล่าวได้รับการประเมินสุขภาพทางจิตและพบว่า มีอาการดีขึ้น ก็อาจจะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ครม.นัดพิเศษ แต่งตั้ง "หมอมิ้ง นพ.พรหมินทร์" นั่งเลขาธิการนายกฯ
ตามรวบ "สาวแสบมิจฉาชีพออนไลน์" ส่งลิ้งลวงเหยื่อ ขอคืนเงินค่า FT ก่อนดูดเงินเกลี้ยงบัญชี เสียหายเกือบ 2 ล้านบาท
ททท.จัดต่อเนื่อง "Amazing Muay Thai Experiences" ตอกย้ำเสริมเสน่ห์ไทยด้วยกีฬา "มวยไทย" ชวนนักท่องเที่ยวเดินทางสัมผัสประสบการณ์ถึงถิ่นกำเนิดมวยดี 4 สาย
จนท.บุกตรวจ "แรงงานต่างด้าว" 149 คน แอบเช่าบ้าน 2 หลังในชุมชนขอนแก่น เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง
"วรชัย" วอน "เสรีพิศุทธ์" อย่าตั้งเป้าโจมตี ขอโอกาสรัฐบาลทำงาน ให้เวลาพิสูจน์แก้ปัญหาปชช.
“อ.ธรณ์” ห่วง “ฮาลองเบย์” สถานที่สวยงาม ถูกพายุไต้ฝุ่น "ยางิ" พัดถล่ม หวังให้ทุกคนที่นั่นปลอดภัย
ไร้ปาฏิหาริย์ พบแล้ว "นทท.เบลเยี่ยม" หลังหายตัวลึกลับ ทีมค้นหาพบร่าง บริเวณท้ายฝาย "น้ำตกแม่เย็น"
"พิพัฒน์" เดินหน้า 1 ต.ค. ปรับค่าแรง 400 พร้อม 7 มาตรการ ลดกระทบนายจ้าง-ลูกจ้าง ถกพณ.คุมสินค้าแพง
เลขาธิการ สทนช. ลงพื้นที่ตราดรับฟังสถานการณ์บริหารจัดการน้ำรับมือน้ำท่วมหลังพายุไต้ฝุ่นนางิ และ ฝนตกหนักกลางเดือนกันยายน หวั่นท่วมรอบ 2
น่าห่วง "แม่น้ำยม" สายหลักพิษณุโลก เพิ่มระดับสูงขึ้นต่อเนื่อง ไหลท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำทุกหมู่บ้านแล้ว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น