ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ ได้แสดงความเห็นของตนกับผู้สื่อข่าวของ Voice of America เมื่อถูกถามว่า สหรัฐควรยกเลิกการห้ามใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายในรัสเซียหรือไม่ โดยจอห์นสันได้กล่าวว่า ตนคิดว่าเราจำเป็นต้องปล่อยให้ยูเครน ดำเนินการกับสงครามในแบบที่พวกเขาเห็นว่าเหมาะสม ยูเครนจำเป็นต้องสามารถต่อสู้กลับได้ ทั้งนี้ ตนคิดว่า เราพยายามที่จะจัดการกับความพยายามของพวกเขาแบบยิบย่อย ซึ่งนั่นไม่ใช่นโยบายที่ดีสำหรับสหรัฐเลย
ขณะเดียวกัน ทางด้านของไมเคิล เทอร์เนอร์ ประธานคณะกรรมการข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ ก็ได้โพสต์ลง X ว่า ยูเครนไม่สามารถปกป้องตนเองได้เนื่องจากนโยบายปัจจุบันของฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งยูเครนก็ได้เแสดงความกังวลอย่างยิ่ง ถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งกว่าที่เคย ดังนั้น สหรัฐควรอนุญาตให้ยูเครน ใช้อาวุธที่สามารถโจมตีเป้าหมายภายในรัสเซียได้ ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง รวมถึงควรฝึกนักบิน F-16 ของยูเครนเพิ่มเติม และสนับสนุนระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนด้วย
ทั้งนี้ สำหรับความคิดเห็นของจอห์นสัน และเทอร์เนอร์ มีขึ้นเนื่องจากก่อนหน้านี้ 1 วัน ทางสมาชิกสภาคองเกรส 13 คน ได้ลงนามในจดหมายที่ส่งถึงนายพลลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐ ภายหลังการประชุมระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกลุ่มสมาชิกรัฐสภายูเครน ที่เดินทางเยือนสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยในจดหมายระบุว่า พันธมิตรยูเครนของเรากำลังขออนุญาตใช้อาวุธบางอย่างที่สหรัฐจัดหาให้ เพื่อปฏิบัติการกับเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ภายในดินแดนรัสเซีย และดินแดนที่รัสเซียควบคุม มันเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ฝ่ายบริหารของไบเดน จะอนุญาตให้ผู้บัญชาการของยูเครน ได้รับความสามารถในการปฏิบัติการเต็มรูปแบบ เพื่อตอบสนองต่อการโจมตีของรัสเซียได้
จดหมายระบุต่อว่า ยูเครนยังได้ระบุถึงความต้องการระบบป้องกันภัยแพทริออตเพิ่มเติมอีก 7 ชุด เพื่อสกัดกั้นขีปนาวุธและโดรนของรัสเซีย นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของฝึกนักบินยูเครนอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อควบคุมเครื่องบิน ในขณะที่เครื่องบินขับไล่ F-16 พร้อมให้บริการในยูเครน ซึ่งการที่ฝึกอบรมนักบินชาวยูเครนที่จบไป 12 คนนั้น ยังไม่ถือว่าเพียงพอ ยูเครนอยู่ในภาวะสงคราม ซึ่งยูเครนต้องได้รับการจัดลำดับความสำคัญมากกว่าประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้ ทางด้านของยูเครนโดยอเล็กซานเดอร์ ลิตวิเนนโก หัวหน้าสภาความมั่นคงและกลาโหมแห่งชาติของยูเครน ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับทางไฟแนนเชียลไทมส์ด้วยว่า ฝ่ายบริหารของไบเดนควรยกเลิกการสั่งห้ามโจมตีภายในดินแดนรัสเซีย ด้วยอาวุธที่สหรัฐส่งมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่ง ยูเครนสามารถขัดขวางความก้าวหน้าของรัสเซียได้ หากยูเครนสามารถโจมตีคลังอาวุธ ศูนย์กลางการขนส่ง และโรงกลั่นน้ำมันที่อยู่ลึกเข้าไปในรัสเซีย ด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลและอาวุธอื่นๆของสหรัฐ
อย่างไรก็ดี นอกเหนือจากที่ยูเครน พยายามกดดันสหรัฐให้อนุญาตการใช้อาวุธเข้าไปในดินแดนของรัสเซียแล้ว ยูเครนยังได้พยายามกดดันนาโต ให้จัดตั้งเขตห้ามบินทั่วทั้งประเทศยูเครนด้วย โดยทางรัฐบาลยูเครนได้นำเสนอรายงานความยาว 10 หน้า ที่แนะนำให้ผูกยูเครนกับนาโตเข้าด้วยกัน ด้วยการติดตั้งเกราะป้องกันทางอากาศ ในทางตะวันตกของยูเครน
ในเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนี ได้กล่าวในระหว่างการหาเสียงให้พรรคของตัวเอง ยืนยันว่า แม้จะเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องสนับสนุนยูเครนต่อไป แต่ทั้งเยอรมนี ยุโรป หรือนาโตก็ไม่ควรกลายเป็นภาคีในสงคราม และไม่ควรถูกขอให้ทำเช่นนั้น เนื่องจากการกระทำดังกล่าว อาจกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาที่คาดเดาไม่ได้จากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ขณะที่สเตฟเฟน เฮเบสเทรต โฆษกรัฐบาลกลางของเยอรมนีก็ย้ำด้วยเช่นกันว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะข้ามเส้นไปสู่การมีส่วนร่วมในความขัดแย้งกับรัสเซียโดยตรง