CBS และลอส แอนเจลิส ไทม์สรายงานข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 พค.) ว่ารัฐบาลท้องถิ่นเมืองฟอนทาน่า ซึ่งอยู่ทางใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียได้ยอมจ่ายเงินชดเชยเป็นจำนวน 8 แสน 9 หมื่น 8 พันดอลล่าร์สหรัฐหรือเกือบ 33 ล้านบาทให้แก่นายธอมัส เปเรซ จูเนียร์ ตามคำสั่งศาล กรณีนายเปเรซถูกตำรวจบังคับให้สารภาพผิดในคดีฆาตกรรมพ่อตัวเอง ทั้งๆที่เขาไม่ได้ทำ โดยมีการกระทำทารุณทางจิตใจระหว่างการเค้นสอบนานถึง 17 ชั่วโมง
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม ปี 2561 เมื่อนายเปเรซได้โทรแจ้งตำรวจเมืองฟอนทาน่าว่าพ่อของเขาหายตัวไป หลังออกไปเดินเล่นกับสุนัข เปเรซเล่าว่าหลังจากทั้งคู่ออกจากบ้านไป สุนัขได้กลับบ้านมาเพียงลำพัง แต่ปรากฎว่าตำรวจกลับกล่าวหาเปเรซว่าเป็นคนฆ่าพ่อตัวเอง และบังคับให้สารภาพผิด อย่างไรก็ตามเปเรซซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้าและโรคเครียดอยู่แล้วได้พยายามปฏิเสธ แต่ตำรวจยังยืนโดยอ้างว่าพบศพพ่อและรอยเลือดภายในบ้านพัก นอกจากนี้ตำรวจยังได้ขู่จะกระทำการุณยฆาตสุนัขของเปเรซที่ชื่อ “มาร์โกช่า” โดยอ้างว่ามาร์โกช่าเห็นเหตุการณ์ที่เปเรซฆ่าพ่อทำให้เกิดความเครียด และได้พามาร์โกช่ามาพบเพื่อให้บอกลา
เปเรซถูกตำรวจเค้นสอบนานถึง 17 ชั่วโมง โดยไม่ยอมให้หยุดพักนอน และไม่อนุญาตให้กินยาทั้งๆที่เปเรซมีโรคประจำตัวหลายอย่างทั้งโรคซึมเศร้า, โรคเครียดและหอบหีด ทำให้เปเรซเกิดความเครียดอย่างหนัก จนมีการดึงทึ้งผมตัวเอง ฉีกเสื้อผ้าและกรีดร้อง รวมทั้งได้พยายามผูกคอตายโดยใช้เชือกรองเท้า และหลังจากที่ถูกกดดันมากๆเข้า ในที่สุดเปเรซได้ยอมรับสารภาพว่าทะเลาะกับพ่อและได้แทงพ่อเสียชีวิตภายในบ้าน
อย่างไรก็ตาม เรื่องมาแดงขึ้นหลังจากที่นายธอมัส เปเรส จูเนียร์ วัย 71 ปีผู้พ่อได้กลับมาถึงบ้าน เขาเล่าว่าวันเกิดเหตุได้ออกจากบ้านไปหาเพื่อนและได้นอนค้างคืนที่บ้านเพื่อน วันรุ่งขึ้นได้นั่งเครื่องบินไปหาลูกสาวที่แคลิฟอร์เนียเหนือ และเมื่อตำรวจรู้ว่าพ่อของเปเรซยังมีชีวิตอยู่และกลับมาถึงบ้าน แต่ตำรวจกลับปกปิดไม่ยอมบอกเปเรซในช่วงแรก และได้ส่งตัวเปเรซไปไว้ที่โรงพยาบาลจิตเวช
หลังเรื่องราวคลี่คลาย เปเรซได้ยื่นฟ้องดำเนินคดีและเรียกค่าเสียหายกับรัฐบาลท้องถิ่นเมืองฟอนทาน่า และตำรวจจำนวน 5 นาย หลังจากที่มีการสู้คดีกันนานเกือบ 6 ปีในที่สุดเปเรซก็ชนะคดี อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานว่าตำรวจทั้ง 5 นายได้รับโทษจากการกระทำความผิดแต่อย่างใด