ภายหลังจากที่ ที่ศาลจังหวัดธัญบุรีนัดพิพากษาคดีปราศรัยและชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องขังคดีการเมือง หน้าศาลจังหวัดธัญบุรี เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2564 โดยมีจำเลยเป็น “ลูกเกด” ชลธิชา และพวก รวม 10 คน ซึ่งมีเพียงชลธิชาที่ถูกฟ้องข้อหา ม.112
ข่าวที่น่าสนใจ
ศาลพิพากษาว่าจำเลยทั้ง 10 คน ไม่มีความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และฐานใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.เครื่องขยายเสียงฯ
แต่ลงโทษจำคุก 3 ปี กับชลธิชาในข้อหา ม.112 จากการปราศรัย 2 ข้อความ โดยศาลให้เหตุผลว่า
ข้อความที่ 1 ฟังแล้วเข้าใจว่าพระมหากษัตริย์เอาเงินภาษีประชาชนมาใช้ส่วนพระองค์ เป็นการทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง
ข้อความที่ 2 กล่าวถึง ร.10 โดยมีความหมายว่า พลเอกประยุทธ์แก้กฎหมายให้ทรัพย์สินส่วนรวมไปเป็นส่วนตัวพระมหากษัตริย์ ทำให้ประชาชนคิดว่าพระมหากษัตริย์เอาทรัพย์สินมาเป็นส่วนตัว แทรกแซงอำนาจฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ จึงทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและเกลียดชังตามที่โจทก์ฟ้อง
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกเฉพาะชลธิชา 3 ปี แต่ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงลงโทษจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา
ล่าสุด ลูกเกด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Lookkate Chonthicha – ลูกเกด ชลธิชา แจ้งเร็ว” ระบุว่า เกดถูกศาลพิพากษาคดี 112 จำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ได้ประกันตัวค่ะ
ทั้งนี้กรณีการฟ้องร้องกระทำผิด ของ “ลูกเกด” หรือ น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว เป็นการปฏิบัติหน้าที่ ของ พ.ต.ท.ศราวุฒิ ทองภู่ รองผู้กำกับสืบสวน สภ.ธัญบุรี เนื่องจากพบการละเมิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดย น.ส.ชลธิชา ได้พาดพิง ใส่ร้าย ก่อให้เกิดให้ความเข้าใจผิด และทำให้มีการดูหมิ่น สร้างความเกลียดชังสถาบันพระมหากษัตริย์ เรื่องการใช้พระราชอำนาจ ว่า เป็นการใช้อำนาจตามอำเภอใจ ตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ.2560
รวมถึงยังมีถ้อยคำในลักษณะเป็นการกล่าวหา ดูหมิ่น รัชกาลที่ 10 ว่า เกี่ยวข้องกับการใช้พระราชอำนาจเพื่อนำทรัพย์สินส่วนรวมมาเป็นของส่วนตัว
ในทรัพย์สิน และ ทรงใช้พระราชอํานาจเข้าไปแทรกแซงการเมืองการปกครอง การบริหารงานของฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ
ขณะที่ อัยการได้บรรยายฟ้องว่า คำปราศรัยข้างต้น เป็นการใส่ความรัชกาลที่ 10 ในฐานะบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทําให้ต้องเสื่อมเสียพระเกียรติยศ เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง ทําให้บุคคลที่สามและประชาชนทั่วไปที่ได้ทราบข้อความคําพูดและคํากล่าวปราศรัยของจําเลยเข้าใจว่า รัชกาลที่ 10 รวมถึงสถาบันกษัตริย์ไม่อยู่ในฐานะที่ควรเคารพสักการะอีกต่อไป
ทั้งนี้ “ลูกเกด” หรือ น.ส. ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี เขต 3 เคยนำแถลงเรียกร้องเรื่อง การไม่ให้สิทธิประกันตัวแก่ผู้ต้องหา ในคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยอ้างว่ามีประชาชนอยู่ในเรือนจำและกำลังอดอาหารเพื่อเอาชีวิตเข้าแลกกับสิทธิที่พึงมีตั้งแต่แรก แต่ถูกพรากไปเพราะกระบวนการยุติธรรมที่ล้มเหลว
“ที่ผ่านมา ศาลมักไม่มีเหตุผลประกอบที่แน่ชัดว่าเหตุใด การกระทำลักษณะใดบ้างที่พิสูจน์ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะหลบหนี หรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือกระทำความผิดซ้ำ กลายเป็นว่าสิทธิในการประกันตัว อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน มักถูกพรากไปโดยง่ายด้วยเหตุผลที่เลื่อนลอย”
ขณะที่กรณีของ “ลูกเกด” หรือ น.ส.ชลธิชา แม้จะถูกพิพากษาว่ากระทำผิดตามคำฟ้อง ให้ลงโทษจำคุก 3 ปี และลดโทษเหลือ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่ยังได้รับสิทธิให้ประกันตัว เหมือนกับผู้ต้องหารายอื่น ๆ ที่กระทำความผิดมาตรา 112 เช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
