“ศาลฎีกา” ยืนโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา สาวอุทัยฯ เมนต์หยาบหมิ่นเบื้องสูง

"ศาลฎีกา" ยืนโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา สาวอุทัยฯ เมนต์หยาบหมิ่นเบื้องสูง

“ศาลฎีกา” ยืนโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา สาวอุทัยฯ เมนต์หยาบหมิ่นเบื้องสูง

วันที่ 27 พ.ค. 67 ศาลอาญาตลิ่งชัน อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา ในคดี ม.112 ของ “ธนพร” แนวร่วมม็อบ 3 นิ้ว วัย 24 ปี ในคดีมาตรา 112 จากการเข้าไปคอมเมนต์ใต้โพสต์เฟซบุ๊กของเพจซึ่งเผยแพร่ภาพตัดต่อของรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 8 เมื่อช่วงปี 2564 โดยเจ้าตัวคอมเมนต์ด้วยข้อความหยาบคาย จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์

สาวอุทัยฯ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยคดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก “ธนพร” 4 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี และให้รอลงอาญา 2 ปี ซึ่งพนักงานอัยการ ได้อุทธรณ์คดีนี้ต่อศาลอุทธรณ์ โดยเห็นว่าไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ไม่รอการลงโทษจำคุก และไม่ต้องคุมประพฤติจำเลย

ทั้งนี้จากการพิจารณา ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ เห็นว่าแม้จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ตลอดจนเป็นการกระทำผิดครั้งแรก แต่ศาลฎีกาเห็นว่าพฤติการณ์เป็นความผิดร้ายแรง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ทำให้ธนพรถูกนำตัวไปคุมขังในเรือนจำ

 

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2564 “ธนพร” มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดอุทัยธานี ถูกจับกุมและส่งฟ้องต่อศาลอาญา โดยศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 112 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ลงโทษจำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี

จากนั้นจำเลยได้ยื่นขออุทธรณ์ และ ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 เห็นว่า จำเลยแสดงความเห็นเป็นข้อความเปรียบเทียบหยาบคาย ก้าวล่วงไปถึงราชวงศ์จักรี อันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ย่อมมีผลกระทบเกิดความเสียหายต่อราชวงศ์จักรีและสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งกระทบต่อความรู้สึกนึกคิดของประชาชนชาวไทยอันมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งต่างให้ความเคารพสักการะและยกย่องเทิดทูนไว้เหนือเกล้าฯ ตลอดมาตั้งแต่โบราณกาล

อีกทั้งการกระทำของจำเลยดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีเวลาและโอกาสคิดไตร่ตรองก่อนแล้ว แต่ยังกระทำประกอบกับขณะกระทำผิดจำเลย มีอายุ 21 ปีเศษ รู้จักผิดชอบชั่วดีแล้ว จึงเห็นว่าไม่สมควรรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย แต่ควรลงโทษจำคุกโดยไม่รอการลงโทษ เพื่อให้จำเลยหลาบจำไม่กล้ากระทำอีก อีกทั้งจะเป็นการป้องกันมิให้บุคคลอื่นกระทำการลักษณะนี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในอนาคต ตลอดจนความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักรได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ไม่รอการลงโทษจำคุก และไม่ต้องคุมประพฤติจำเลย

กระทั่งล่าสุดศาลฎีกา มีคำพิพากษา ยืนตามศาลอุทธรณ์ พิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น