รัก 6 ปีไม่ได้ช่วยอะไร หนุ่มสุดช้ำ ถูกแฟนสาวขโมยทองกว่า 57 บาท เล่าทั้งน้ำตาเมื่อรู้ว่าคนรักเป็นคนทำ

รัก 6 ปีไม่ได้ช่วยอะไร หนุ่มสุดช้ำ ถูกแฟนสาวขโมยทองกว่า 57 บาท เล่าทั้งน้ำตาเมื่อรู้ว่าคนรักเป็นคนทำ

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังซอยชวนชื่น ย่านประชาชื่น พบกับ นายอนุพงศ์ สังขศิริ อายุ 33 ปี ผู้เสียหาย ร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน ว่า ตนเองเป็นพนักงานบริษัทเอกชน และครอบครัวทำธุรกิจขนส่ง พอมีรายได้ก็จะซื้อทองมาเก็บไว้ ตนเองซื้อของเก็บไว้รวม น้ำหนักกว่า 57 บาท โดยจะเก็บทองไว้ที่บ้านในตู้ลิ้นชักภายในห้องนอน 27 บาท และ อีก 30 บาท เป็นทองคำแท่ง ตนเองฝากไว้ที่ร้านทองชื่อดังแห่งหนึ่งย่านเยาวราช ที่มีมาตรฐานการป้องกันสูง

 

 

กระทั่ง 3 เดือนก่อน ตนเองเองพาแฟนสาวที่คบกันมา 6 ปี เข้ามาอยู่ในบ้าน ด้วยแฟนเป็นคนเรียบร้อย ขยันทำงานบ้าน ทางครอบครัวตนเองจึงรักและไว้ใจ ไม่ได้ระแวงอะไร ต่อมาวันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา ตนเองมีความจำเป็นต้องใช้เงิน จึงนำทองที่เก็บไว้ในตู้ น้ำหนัก 27 บาท ออกไปจำนำ แต่พอถึงโรงจำนำ ทางโรงจำนำแจ้งว่า ทองทั้งหมดเป็นของปลอม จึงสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร จึงกลับมาที่บ้าน แล้วนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับคนในครอบครัว ว่า สงสัยใครในบ้าน แต่คนในบ้านก็ไม่มีพิรุธใดๆ

ตนเองคิดได้ว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา แฟนสาวเคยให้คนโอนเงินเข้าบัญชีตนเอง 1,200,000 บาท โดยอ้างว่า (เป็นเงินของพี่สาว พี่สาวเลิกกับสามีแล้วแบ่งมรดกกัน และพี่สาวเอารถแบ็คโฮที่ได้มาจากการแบ่งมรดกไปขาย พี่สาวไม่อยากเอาเงินเข้าบัญชี กลัวสามีรู้ ตนเองจึงหลงเชื่อโอนเงินให้ไป พอตนโอนเงินให้ไปแล้ว ก็มาดูสลิปคนที่โอนเงินเข้า ปรากฏว่า เป็นบัญชีของร้านทอง ตนเองถามแฟนไปว่า ทำไมเป็นชื่อร้านทองโอนเข้ามา ตอบว่า พี่สาวขายรถแล้วนำเงินไปซื้อทองก่อน จึงให้ร้านทองโอนเข้ามา

พอนึกขึ้นเริ่มสงสัยแฟนสาวทันที ช่วงตอนกลางคืนตนเอง จึงแอบเอาโทรศัพท์ของแฟนสาวมาดู ปรากฏว่าพบข้อความในแอพ Facebook เป็นข้อความถามเพจร้านขายทองปลอมต่างๆ ว่า มีทองลายนี้ไหม ซึ่งติดต่อไปหลายร้านมาก และมีการนัดหมายเข้าไปดูทองกัน ตนเองจึงถามแฟนอีกครั้งว่า ได้เอาทองตนเองไปไหม แต่เธอก็ยืนยันว่า ไม่ได้เอาไป พร้อมยอมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองที่โรงพัก ตนเองกับแม่จึงเดินทางไปแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น ตำรวจให้ลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน และถ้ามีคนน่าสงสัยให้มาแจ้งอีกครั้ง (แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าใบฝากทองแท่ง 30 บาท ของร้านทองถูกนำไปขายแล้ว)

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ต่อมาเช้าวันวันที่ 3 พฤษภาคม ตนเองเดินทางไปที่ร้านทองชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านเยาวราช ที่ฝากทองคำแท่งไว้ 30 บาท ทางร้านแจ้งว่า เมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา มีผู้หญิงที่เคยมาซื้อทองกับตนเอง มาทำธุรกรรมขายทองแท่ง 30 บาท ที่ฝากไว้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ให้กลับไปทำเอกสารมาใหม่ เพราะเอกสารไม่ครบ จากนั้นวันที่ 25 เมษายน ผู้หญิงคนเดิมได้นำบัตรประชาชนตัวจริงของตนเอง / สำเนาใบฝากทอง มีการปลอมลายเซ็น โดยเขียนทับด้วยปากกาสีน้ำเงิน / และหนังสือมอบอำนาจ / และอ้างว่าตนเองเกิดอุบัติเหตุนอนอยู่โรงพยาบาล ไม่สามารถมาขายทองด้วยตนเองได้ ทางโรงจำนำ จึงจ่ายเช็คเงินสดเข้าบัญชีตนเองไป พอตนรู้อย่างนี้ ตนเองถึงกับร้องไห้ทันที

 

ตอนนั้นรู้สึกแปลกใจว่า ตอนมาซื้อของที่นี่ และ ทำใบฝากท้องไว้ ทางร้านทองระบุมาตรการความปลอดภัยไว้อย่างชัดเจนว่า “ไม่มีใครสามารถมานำทอง หรือขายทองที่ฝากไว้ได้ นอกจากเจ้าของเท่านั้น แต่ถ้าเจ้าของตายจะต้องนำใบมรณบัตรมาแสดง ถึงจะได้ทองออกไป ” แต่ร้านทองกับให้เงินกับคนอื่นไปง่ายมาก ช่วงกลางคืนตนเองจึงเข้าไปแจ้งความเพิ่ม และสอบปากคำเอาผิดกับแฟนตนเองทันที

จากนั้นตนเองเดินทางกลับมาที่บ้าน ก็ไม่พบว่า แฟนอยู่ที่บ้านแล้ว มีการขนของออกไปจนหมด จึงโทรศัพท์ไปถาม ได้คำตอบว่า ไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้แล้ว ตนเองจึงบอกไปว่า วันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา ให้ไปพบกันที่ สน.ประชาชื่น เพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ พอถึงวันนัดหมาย แฟนสาวได้เดินทางมาตามนัด และตำรวจได้สอบปากคำ โดยทางแฟนสาวได้ปฏิเสธว่าไม่ได้นำทองไป แต่ตำรวจมีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดชัดเจน จึงควบคุมตัวแฟนสาวไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดา

 

แต่สิ่งที่ตนอยากรู้ตอนนี้คือ อดีตแฟนสาวของตนเอง นำทองไปขายที่ร้านไหน เพราะมีเข็มขัดนาคอายุ 100 กว่าปี ที่ได้มาจากบรรพบุรุษ ถูกขโมยไปขายด้วย เข็มขัดเส้นนี้มีมูลค่าทางจิตใจกับครอบครัวตนเองมาก ตนอยากจะไปซื้อคืน และอยากรู้อีกอย่างหนึ่งคือว่า ร้านทองมีส่วนผิดไหม ที่ให้ของคนที่ไม่ใช่เจ้าของไปง่ายดายแบบนี้ และตำรวจจะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาหรือไม่ว่า ได้เงินไปแล้ว โอนเงินให้ใครบ้าง คนที่ได้รับโอนเงินมีส่วนผิดไหม

 

 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สน.ประชาชื่น เพื่อสอบถามเรื่องคดีความ ได้รับคำตอบจากพนักงานสอบสวนว่า ตอนนี้กำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินว่า ถูกโอนไปให้ใครบ้าง ที่ทำคดีล่าช้าเพราะต้องรอเอกสารจากธนาคารส่งมา หากพบว่าผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีทุกคน ส่วนเรื่องว่า นำทองไปเก็บไว้ไหน ทางผู้ต้องหาไม่ยอมบอก อ้างว่าจำไม่ได้อย่างเดียว แต่ยอมรับสารภาพว่า ได้นำทอง 30 บาท ไปขายจริง แต่อ้างว่า แม่ของแฟนเป็นคนสั่งให้เอาไปขาย แต่ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ คำให้การของผู้ต้องหาแต่อย่างใด หลังจากนี้จะเรียกผู้เสียหายเข้ามาสอบปากคำเพิ่ม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"อ.ปานเทพ"กางเอกสาร JC2544 อ้างไทย-กัมพูชา เคยรับรอง MOU 44 เป็นสนธิสัญญา
"ดร.ศิลปฯ" อดีตผู้สมัคร สส.เพื่อไทย รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นโรงเรียนทวีธาภิเศก ปี 67 ปักธงสนับสนุนด้านกีฬากับเยาวชน
"แม่บ้าน" ส่อชวดรับมรดก 100 ล้าน หลัง "แหม่มฝรั่งเศส" ยกมรดก 100 ล้าน ให้ก่อนจบชีวิต
ตร.ปคบ.บุกทลายโรงงานเครื่องสำอางเถื่อน ลอบผลิต-ส่งขายทั่วภาคอีสาน ยึดของกลางกว่า 4 หมื่นชิ้น
ชาวบ้าน 2 ตำบลเฮ ขอบคุณป่าไม้ที่อนุญาติให้ อบต.สร้างถนนลัดไปอำเภอ หลัง สว.สุรินทร์ หารือในการประชุมวุฒิสภาช่วยแก้ปัญหาชาวบ้าน เป็นของขวัญปีใหม่
"แม่สามารถ" ยื่นจดหมายลับใส่มือนักข่าว อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ปรเมศวร์” เตือน “อธิบดีกรมที่ดิน” เสี่ยงโดนม.157 ปมเขากระโดง
ผู้จัดการตลท. พร้อมให้ข้อมูล คดี “หมอบุญ” เตือนนักลงทุน ใช้สติก่อนตัดสินใจ
“บิ๊กน้อย” การันตี แจงแทน “บิ๊กป้อม” ไม่โทรให้ใครช่วย “สามารถ”
“ไอซ์ รักชนก” เตรียมระทึกอีก ศาลนัดฟังคำสั่งถอนประกัน 11 ธ.ค.นี้ ลุ้นชี้ชะตาจะรอดคุกหรือไม่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น