ข่าวที่น่าสนใจ
โดย “ทนายอนันต์ชัย” ระบุว่า ต้องการให้สำนักงานอัยการสูงสุด ตรวจสอบการทำหน้าที่ของอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายสุราษฎร์ธานี (อจคช.) ว่า มีการปฎิบัติหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้ลัทธิเชื่อมจิตหรือไม่ รวมถึงจะให้ความช่วยเหลือ พม. ในการตรวจสอบลัทธิเชื่อมจิตหรือไม่
โดยเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 66 สหวิชาชีพได้ลงพื้นที่บ้านของลัทธิเชื่อมจิต เท่าที่ตนทราบแม่ของลัทธิเชื่อมจิตได้ถามเจ้าหน้าที่ว่า น้องเป็นออทิสติกหรือไม่ หรืออาการพัฒนาการทางสมองล่าช้า ซึ่งถ้าเป็นก็จะเข้า พ.ร.บ.คนพิการประเภทที่ 7 ลูกชายตนก็เป็นออทิสติก ลักษณะของออทิสติกจะไม่ชอบเด็ก แต่จะชอบผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ต้องดูแลเพราะเด็กมีอาการป่วยเป็นโรค ซึ่งประเด็นดังกล่าวมีการประชุมกันในวันที่ 22 ธ.ค. 66 ทั้งอัยการ สหวิชาชีพ ต่างรู้ข้อมูลดี
ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นประเด็นใหญ่ เพราะแม่ถามหมอว่า ลูกเป็นออทิสติก ทำไมถึงไม่ให้นำเด็กไปตรวจว่า ลูกเป็นจริงหรือไม่ ถ้าอายุมากขึ้น ต่อไปจะเป็นคนที่ก้าวร้าว ไม่ฟังคน ไม่มีเหตุผลวิเคราะห์ไม่เป็น ในเมื่อการประชุมของเจ้าหน้าที่รู้แล้ว ทำไมถึงไม่เร่งดำเนินการ การเอาเด็กที่มีสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์มาสอนธรรมะ มันใช้ได้หรือไม่
จากนั้นในวันถัดมา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 ที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี “แม่นก”หรือ “แม่น้องเชื่อมจิต” อายุ 8 ขวบ ได้เดินทางไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับ ทนายอนันต์ตชัย ไชยเดช เพื่อเอาผิด
โดยอ้างว่า”ทนายอนันตชัย” กล่าวว่า ลูกของเธอเป็นออทิสติก ซึ่งการแจ้งความวันนี้เป็นคดีที่ 15 ที่”แม่นก”แจ้งความกับบุคคลต่างๆ
ขณะเดียวกัน พันตำรวจเอกนิพล ชาตรี ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองสุราษฎร์ธานี ได้เข้าสั่งกำชับพนักงานสอบสวน กล่าวว่า ให้สอบปากคำ แม่น้องเชื่อมจิต ที่มาแจ้งความดำเนินคดีผู้อื่นให้ละเอียด พร้อมทั้งให้นำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบในการแจ้งความมาให้พร้อม ก่อนที่จะลงบันทึกประจำวันและรับเรื่องแจ้งความเอาไว้ ไม่ใช่แค่ลงบันทึกประจำวันไว้เฉยๆ
เนื่องจากพนักงานสอบสวนไม่ได้รู้รายละเอียดหรือได้ดูคลิปข่าวทุกเรื่อง ว่า เกิดอะไรขึ้นกับใครอย่างไร เมื่อถึงเวลาเรียกผู้ร้อง คือ แม่น้องเชื่อมจิต ให้มาให้ปากคำก็ไม่มาตามนัด “เนื่องจากพนักงานสอบสวนจะต้องพิจารณาจากพยานหลักฐานต่าง ๆ ก่อนที่จะรับแจ้งความในแต่ละเรื่องว่าสามารถจะรับแจ้งความได้หรือไม่ได้ และที่ผ่านมามีจำนวนรวมแล้ว 14 คดีที่ แม่น้องเชื่อมจิต ได้มาลงบันทึกประจำวัน ไว้เพื่อจะดำเนินคดีกับบุคคลอื่นๆ”
นอกจากนี้ทางเพจ “นิรมิตเทวาจุติ”ก็ได้ออกมาโพสต์คลิปการเข้าแจ้งความของ”แม่นก” พร้อมแคปชั่นว่า “กล่าวหาอ.น้องไนซ์ว่าเป็นออทิสติก คือเรื่องที่ร้ายแรงอย่างมาก นี่คือการใช้วาทะกรรมทำร้ายจิตใจ ไม่มีพ่อแม่คนไหนยอมรับได้ เตรียมยื่นศาลขอคุ้มครองสวัสดิภาพ”
จากประเด็นนี้ทางด้าน “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง”ก็ออกมาจัดหนัก จัดเต็มเช่นเคย โดยออกมาพูดประเด็นที่”แม่นก”ไปแจ้งความ”ทนายอนันต์ชัย” ว่าวันนี้ไปถ่ายรูปลงเพจแค่นั้นแหละ สอบปากคำด้วยนะคะ ไม่ใช่ให้ปากคำแล้วจบ สอบปากคำด้วยเลย ลงเลขรับเลขคดีเลย เชียร์นะคะคุณแม่ ก็ใจเย็นๆเนอะ ตอนนี้หน้าที่ของพวกอ้อก็คือ ผลักดันเรื่องนี้ให้เข้าสู้กระบวนการรัฐ ตอนนี้ก็เข้าสู่กระบวนการทุกขั้นตอนแหละ ทาง พมจ. จะไม่ถอดคำร้อง แต่จะยื่นเพิ่มเติมนะ
นอกจากนี้ “ต้นอ้อ”ยังบอกว่ารอให้ “แม่นก”พูดคำว่าที่ลูกเป็นออทิสติกไม่เป็นความจริง มานานแล้ว! แต่เขาไม่ยอมให้แพทย์เข้าไปตรวจ ขัดขวางเจ้าหน้าที่ตลอด
คุณเล่นกับใครไม่เล่น ทนายอนันต์ชัยยังไม่ได้กล่าวหา ว่าน้องเป็นออทิสติกโดยตรงนะ เป็นออทิสติกหรือไม่!? ถ้าคุณบอกว่าไม่เป็น ก็ยอมให้พม. และแพทย์เฉพาะทาง จากโรงพยาบาลส่วนกลาง โรงพยาบาลยุวประสาทเลย ลงไปตรวจสิค่ะ ไม่เอาหมอคุณนะ เขาแค่สงสัยตั้งคำถาม คุณแม่ร้อนอะไร แล้วคุณแม่เคยถาม พม.ไม่ใช่หรอค่ะ เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่เป็นประเด็นรอบแรก ว่าลูกคุณเป็นหรือเปล่า คุณแม่ถามพม. ไม่ใช่หรอ คุณต้องการให้พม.ตอบเป็นหรือไม่เป็นละ ซึ่งพม. ไม่ตอบอยู่แล้ว เพราะต้องมีแพทย์ เข้ามาตรวจเฉพาะทาง แล้วระบุเป็นเอกสาร ว่าเป็นหรือไม่เป็น พม. เขาก็ทันอยู่ค่ะ เขาไม่ได้โง่ ก่อนที่”ต้นอ้อ”จะเผยเพิ่มเติมว่า “ไม่รู้แหละทนายอนันต์ชัยไม่หยุดแค่นี้หรอก ถ้าเขาไม่หยุดเราก็ไม่หยุด”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
