ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ ผบก.ภ.จว.สระแก้ว เดินทางลงพื้นที่ สภ.เมืองสระแก้ว จ.สระแก้ว เพื่อสอบสวน นายวีระพันธ์ นาคพิทักษ์ หรือ ตั้ม อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่ อส.ประจำที่ว่าการอำเภอเมืองสระแก้ว ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมในการขโมยปืนของราชการ บนที่ว่าการอำเภอเมืองสระแก้ว 21 ครั้ง จำนวน 65 กระบอก เพื่อมาขายต่อให้กับบุคคลที่รู้จัก และชื่นชอบอาวุธปืน โดยปืนลูกซองจะขายกระบอกละ 2 – 3 พันบาท ส่วนปืนสั้นขายกระบอกละ 10,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายวีระพันธ์ หรือ ตั้ม ขึ้นไปสอบสวนที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการ สภ.เมืองสระแก้ว โดยมี พ.ต.อ.พีระพงษ์ เหล่าธนาวิน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรสระแก้ว พ.ต.ท.ธวัชชัย ล่ามกิจจา รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เมืองสระแก้ว ,เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ,ทีมพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเมืองสระแก้ว ร่วมสอบสวนด้วย
ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ร.ต.ท.หญิง เกศรินทร์ วีระพันธ์ รอง สว.(สอบสวน) ร้อยเวร สภ.เมืองสระแก้ว พนักงานสอบสวน ได้ทยอยนำตัวผู้ต้องหาเข้าให้การเพิ่มเติมที่ละคน โดยผู้ต้องหาบางคนอยู่ในอาการเครียด ส่วนการสอบสวนภายในห้องประชุม ศปก.สภ.เมืองสระแก้ว ขณะที่ผู้สื่อข่าวเข้าถ่ายภาพ นายวีรพันธ์ หรือ ตั้ม ผู้ต้องหา ที่เป็น อส.ประจำที่ว่าการอำเภอเมืองสระแก้ว ได้พยายามก้มหน้าและปิดบังใบหน้าตลอดเวลา โดย พ.ต.อ.พีระพงษ์ เหล่านาวิน ระบุว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ยังไม่ให้ความร่วมมือนัก ว่านำอาวุธปืนไปขายให้กับใครบ้าง ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผล แต่หากผู้ที่รับซื้อปืนไปและทราบว่า เป็นปืนที่มาจากการกระทำความผิดหรือขโมยไปจากที่ว่าการอำเภอเมืองสระแก้ว ประสงค์จะนำของกลางมาคืน สามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ได้เช่นกัน
พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า หลังตรวจสอบพบเหตุ นายอำเภอเมืองสระแก้วได้แจ้งให้ สภ.เมืองสระแก้ว เพื่อติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ ซึ่งพบว่า อาวุธปืนหายไป 65 กระบอก เป็นปืนลูกซองยาว 63 กระบอกและปืนพกสั้น 2 กระบอก เมื่อรับแจ้งความแล้วได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเร่งตรวจสอบร่วมกัน จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ก่อน 3 คน เบื้องต้นรับสารภาพ เป็น อส. และขยายผลจนสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องไว้แล้วรวม 4 คน ส่วนหนึ่งเป็นคนที่ช่วยรับเอาไปขายต่อ และมีการติดตามอาวุธปืนคืนมาได้แล้ว 8 กระบอก วันนี้จะต้องนำผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปฝากขังต่อศาล จ.สระแก้ว 3 คน ส่วนการสอบสวนขยายผลจากข้อมูลของกลุ่มผู้ต้องหา เพื่อติดตามปืนที่สูญหายต่อ ไปยังคนที่รับซื้อในจังหวัดสระแก้วและจังหวัดอื่น ๆ เชื่อว่าจะติดตามอาวุธปืนกลับคืนมาได้เพิ่มอีก
“แรงจูงใจในการก่อเหตุ น่าจะเป็นปัญหาเรื่องการเงิน เบื้องต้น ก็รับสารภาพ แต่ในเรื่องของการติดตามว่า ปืนได้ส่งให้ใคร ขายให้ใครบ้าง ผู้ต้องหาไม่ให้ความร่วมมือ เราได้พยายามใช้การตรวจสอบจากโทรศัพท์ ซึ่งบางรายจำนนต่อหลักฐาน เมื่อได้ข้อมูลก็จู่โจมเข้าจับกุมทันที ทั้งนี้ สาเหตุที่ผู้ต้องหาไม่ให้ความร่วมมือเนื่องจากผู้ที่รับซื้อไปเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือมีตำแหน่งด้วยหรือไม่นั้น ไม่ทราบ แต่ขณะนี้เราสามารถควบคุมตัวเค้าไว้ได้ไม่นาน จำเป็นต้องสอบสวนให้ครบถ้วน ขณะนี้เราเก็บข้อมูลการสื่อสาร ย้อนหลังไปเชื่อว่า หลักฐานชัดเจนแน่นหนาพอสมควร เนื่องจากคนที่เชื่อมโยงนำไปขายต่อคนรู้จักจำนวนมาก ” ผบก.ภ.จว.สระแก้ว กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมและนำตัว นายนิพนธ์ ศรีแจ่ม อายุ 40 ปี ผู้ต้องหารายที่ 4 ชาวสระแก้ว ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯ เป็นผู้ซื้อรับอาวุธปืนลูกซองที่ขโมยไป จำนวน 1 กระบอก มาที่ห้องกักขัง สภ.เมืองสระแก้ว และถูกนำตัวจากห้องกักขังของสถานีตำรวจ มาสอบปากคำภายในห้องสอบสวน โดยผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นายนิพนธ์ ซึ่งมีขาพิการเล็กน้อย ได้ใช้ผ้าปิดบังใบหน้า ระหว่างถูกนำตัวมาที่ห้องสอบสวนตลอดเวลา โดยจากการสอบสวน ทราบว่า นายนิพนธ์ ได้นำปืนอีก 1 กระบอก ไปขายต่อให้กับเพื่อนอีก 1 คนด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างขยายผลเพื่อติดตามจับกุมตัวอยู่ในขณะนี้ นอกจากนั้น หนึ่งในทีมสอนสวนได้ให้ข้อมูลอีกว่า ผู้ต้องหาคนแรกหรือ นายตั้ม เปิดปากในภายหลังว่า ได้นำปืนจำนวนมากถึง 20 กระบอก ขายให้กับเพื่อนชื่อ ยุทธ ซึ่งทีมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามอย่างใกล้ชิดด้วย