รมว.คลังรัสเซียชี้ ประเทศตะวันตกกำลังฆ่าตัวตาย ด้วยการคว่ำบาตรรัสเซีย ขณะรัสเซียไม่สะท้าน เศรษฐกิจทะยานขึ้นใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก
เมื่อวันพฤหัสบดี นาย แอนตัน ซิลูอานอฟ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังรัสเซีย กล่าวที่เวที St. Petersburg International Economic Forum (SPIEF) งานประชุมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ที่มีหลายประเทศพันธมิตรของรัสเซียเข้าร่วมว่า ประเทศตะวันตกกำลังยิงตัวเองตาย ด้วยการคว่ำบาตรรัสเซีย และว่า รัสเซียได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 4 ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลก ในแง่ของความเท่าเทียมของอำนาจซื้อ (PPP)
ธนาคารโลกระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า รัสเซียกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ4 ของโลกในปี 2564 แซงหน้าทั้งญี่ปุ่นและเยอรมนี ตามตัวเลขที่แก้ไข
ซิลูอานอฟกล่าวระหว่างเสวนาในหัวข้อเกี่ยวกับเศรษฐกิจรัสเซียว่า เขาคิดว่าการคว่ำบาตรเป็นตัวการ ที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศตะวันตกย่ำแย่ การประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย เปรียบได้กับพวกเขาหยิบปืนยิงเท้าตัวเอง เศรษฐกิจของพวกเขาซบเซา แต่เศรษฐกิจของเราเติบโตขึ้น และยิ่งขยายตัว
ผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือ GDP ของรัสเซียขยายตัว 3.6 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้ว ในเดือนเมษายน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่า เศรษฐกิจรัสเซียจะเติบโตเร็วกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหมดในปี 2567 โดยคาดว่า GDP จะขยายตัวที่ 3.2 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่คาดการณ์อัตราการเติบโตของสหรัฐ ที่ 2.7 เปอร์เซ็นต์, อังกฤษ 0.5 เปอร์เซ็นต์ เยอรมนี 0.2เปอร์เซ็นต์ และฝรั่งเศส 0.7 เปอร์เซ็นต์
ซิลูอานอฟ กล่าวเสริมว่า รัสเซียได้เรียนรู้ที่จะเอาชนะสถานการณ์ที่ปั่นป่วน ที่ยากลำบากที่สุดในเศรษฐกิจโลก เช่น การระบาดของโควิด และการคว่ำบาตร ต้องขอบคุณนโยบายการเงินและงบประมาณที่มีประสิทธิภาพของรัสเซีย
นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อก็อยู่ที่ระดับน่าพอใจ นางเอลวิรา นาบิลลินา ผู้ว่าฯแบงก์ชาติรัสเซีย ซึ่งเข้าร่วมการอภิปรายเดียวกัน กล่าวว่า ตั้งเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ 4 เปอร์เซ็นต์ในเดือนเมษายน ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวอยู่ที่ 7.8 เปอร์เซ็นต์
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ประเทศตะวันตกมุ่งเป้าไปที่รัสเซียด้วยการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยการตัดรัสเซียออกจากระบบการเงินที่ใช้สกุลเงินดอลลาร์ จำกัดการค้าและการอายัดทรัพย์สินที่เป็นของธนาคารกลาง รวมถึงคว่ำบาตรพลังงานจากรัสเซีย ซึ่งส่งผลให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น ขณะที่รัสเซียเปลี่ยนการค้าไปยังเอเชียและพยายามละทิ้งสกุลเงินดอลลาร์ในการค้า และใช้สกุลเงินประจำชาติแทน