ชาวอยุธยาร้อง “ท็อปนิวส์” โดนกรมชลประทาน เลือกปฏิบัติไล่รื้อถอน บุกรุกลำคลองคู่ขนานถนนโรจนะ

ชาวอยุธยาร้อง "ท็อปนิวส์" โดนกรมชลประทาน เลือกปฏิบัติไล่รื้อถอน บุกรุกลำคลองคู่ขนานถนนโรจนะ

ชาวอยุธยาร้อง “ท็อปนิวส์” โดนกรมชลประทาน เลือกปฏิบัติไล่รื้อถอน บุกรุกลำคลองคู่ขนานถนนโรจนะ

ชาวบ้านริมถนนโรจนะ ตำบลสามเรือน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร้องเรียนผ่านสำนักข่าว ท็อปนิวส์ หลังรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม และถูกเลือกปฏิบัติจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้พื้นที่ดังกล่าวเคยเป็นพื้นที่พิพาท ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558 โดยที่ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำ และบำรุงรักษานครหลวง กรมชลประทาน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ พบสถานประกอบการ ร้านค้า เพิงพักกว่า 100 ราย ที่บุกรุกแนวคลองชลประทาน ตลอดระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร ตั้งแต่หน้าโรงพยาบาลราชธานี ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา ผ่านไปตามตำบลคานหาม อำเภออุทัย จนถึงตำบลสามเรือน อำเภอบางปะอิน โดยพบว่ามีการบุกรุกคลองประมาณ 30 เมตร

เดิมทีพื้นที่แห่งนี้เป็นลำคลองขนานไปกับถนนโรจนะ วัดปริมาณพื้นที่จากถนนเข้าไปประมาณ 30 เมตร แต่ปัจจุบันไม่มีสภาพคลองให้เห็นแล้ว เพราะถูกบุกรุกถมที่ดิน จัดสรร แบ่งพื้นที่ให้เช่า สร้างสิ่งปลูกสร้าง ร้านค้าตามที่เห็น

 

ชาวอยุธยาร้อง ท็อปนิวส์

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ซึ่งในวันนี้ (13 มิ.ย. 67) ทีมข่าวท็อปนิวส์ ได้ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านหมู่ 2 ริม ถนนโรจนะ ตำบลสามเรือน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต่างก็ยอมรับว่า ล้วนเป็นผู้บุกรุกพื้นที่ของกรมชลประทาน ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ แล้วก็น้อมรับในคำพิพากษา แต่ก็รู้สึกเดือดร้อนใจเสมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกเลือกปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่รัฐ หลังมีคำประกาศจากเจ้าพนักงานบังคับคดีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระบุให้มีการขนย้ายทรัพย์สิน และรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งปลูกรุกล้ำทางน้ำคลองชลประทาน ออกไปจากที่ดินของกรมชลประทาน และส่งมอบคืนในสภาพเรียบร้อย โดยกำหนดวันรื้อถอนภายในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ หรือจนกว่าจะรื้อถอนแล้วเสร็จ

สำหรับบริเวณดังกล่าวมีร้านค้า และสิ่งปลูกสร้างอีกมากมาย ทั้งเก่า และใหม่ บางรายสร้างใหญ่โต อย่างเช่น ปั๊มน้ำมัน เต็นท์รถ และอื่นๆ ตลอดแนวเดียวกันทั้งหมด ไม่ต่ำกว่า 50 ราย แต่ผู้ประกอบการ ที่ถูกแจ้งความดังกล่าวเกิดความไม่พอใจ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ไม่ได้ดำเนินการเหมือนกันทั้งหมดทีเดียว จึงมาร้องเรียนสื่อ เพราะชาวบ้านอยากรู้ ในเมื่อพื้นที่บุกรุกดังกล่าว มีอยู่ตลอดแนว แต่กลับเอาหมายศาลมาดำเนินการแค่ 2 ถึง 3 รายเท่านั้น

นายอำนวยชัย รุจิมิตร อายุ 59 ปี ผู้ประกอบการห้องเช่า และร้านซ่อมรถยนต์ เล่าว่า รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำไมโดนอยู่คนเดียว ทำไมเจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติ ตนเองอยู่มานานกว่า 10 ปี ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร เมื่อถูกไล่ที่แล้ว หลังจากนี้ก็ไม่รู้จะไปอยู่ไหน หากเป็นไปได้ก็อยากจะขออยู่ต่อ

 

ด้าน นายบอย ชาวบ้านอีกราย ที่ทุกข์ใจไม่น้อยกว่าใคร ประกอบอาชีพเปิดร้านขายมอเตอร์ไซค์ เล่าว่า ตนเองเปิดร้านมาตั้งแต่ปี 2555 เคยถูกสั่งให้รื้อถอนร้านบางส่วน ตนเองก็ดำเนินการ จนกระทั่งมามีคำสั่งประกาศเจ้าพนักงานบังคับคดีให้รื้อถอนร้านอีกรอบ ตนเองรู้สึกคาใจว่าเหตุใดร้านในละแวกพื้นที่ของตนเองจึงไม่โดน ถึงกับต้องขึ้นป้ายหน้าร้าน เพื่อทวงถามหาความชอบธรรม และนอกจากนี้ยังพบสิ่งผิดปกติ ในเมื่อพื้นที่ที่ตนเองทำมาหากินอยู่ยังคงเป็นพื้นที่ ที่มีปัญหา แต่เหตุใดห้างร้านผู้ประกอบการรายใหญ่ จึงยังดำเนินการอยู่ได้ อยากให้ผู้มีอำนาจช่วยตรวจสอบว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรืออาจเป็นเพราะตนเองมีฐานะยากจน จึงถูกรังแก

 

นอกจากนี้ ทางทีมข่าวได้เดินทางไปยังโครงการส่งน้ำ และบำรุงรักษานครหลวง สำนักงานชลประทานที่ 10 เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง และความคืบหน้าในการดำเนินการกับนายชนะ เดชฐิติ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำ และบำรุงรักษานครหลวง แต่เมื่อไปถึงปรากฏว่าผู้อำนวยการติดปฏิบัติราชการ จึงได้ฝากเรื่องไว้ เพื่อนัดสัมภาษณ์ต่อไป

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวในโครงการส่งน้ำ และบำรุงรักษานครหลวง สำนักงานชลประทานที่ 10 ยังให้ข้อมูลถึงการดำเนินการกับกลุ่มผู้บุกรุกว่า อยู่ระหว่างดำเนินการ บางส่วนมีคำพิพากษาออกมาแล้ว ซึ่งหน้าที่ของสำนักงานชลประทานที่ 10 ต่อไปก็คือในส่วนของการบังคับคดี และยังมีคดีที่ยังค้างตั้งแต่ปี 2560 เพราะมันมีหลายพื้นที่ที่ถูกบุกรุก โดยรวมจะถูกแบ่งเป็นคดีเก่า และคดีใหม่ ในส่วนของโครงการพื้นที่ดำเนินการได้ในส่วนของการแจ้งด้วยวาจา และการออกหนังสือ 2 รอบ เพื่อให้ตำรวจแจ้งความดำเนินคดี และตำรวจส่งฟ้องอัยการ แล้วจะออกมาเป็นคำพิพากษา ก็จะสามารถบังคับคดีได้

 

 

ทั้งนี้ ทีมข่าวได้เดินสำรวจบริเวณริมถนนโรจนะไปเรื่อยๆ พบว่า มีสถานประกอบการหลายแห่งเกิดขึ้น อย่างเช่น เต็นท์รถมือสอง ห้างสรรพสินค้าดูโฮม ซึ่งก็อาจเข้าข่ายบุกรุก และก็จะต้องถูกบังคับคดีเหมือนกันหมด เพราะเป็นพื้นที่หลวงไม่สามารถที่จะครอบครองได้ ส่วนประเด็นที่มีการมาจัดเก็บเงินกับชาวบ้านนั้น แหล่งข่าวระบุว่า ไม่ทราบ เพราะเพิ่งเข้ามา หรืออาจจะมีการแอบอ้างหรือไม่ รวมไปถึงข้อร้องเรียนต่างๆ กรมชลประทานส่วนกลาง ก็มีคณะการกรรมตรวจสอบวินัยเข้ามาตรวจสอบ ส่วนตัวยินดีที่จะรับข้อมูลเบาะแส เพื่อดำเนินการตรวจสอบ ส่วนประเด็นที่ชาวบ้านอยากจะเช่าพื้นที่ให้ถูกต้องตามกฎหมายนั้น ก็แนะนำว่า ให้ไปดำเนินการเช่ากับกรมธนารักษ์ แต่ต้องรอให้ทางกรมชลฯ เคลียร์พื้นที่ และทำเรื่องส่งคืนพื้นที่ให้กับกรมธนารักษ์เสียก่อน

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

รวบคู่รักวัยรุ่น อ้างเป็นกรรมการวัดดัง เปิดเพจรับบริจาคบูรณะวิหารหลวง ตุ๋นเงินทำบุญกว่า 2 แสนบาท
เลือกตั้งสหรัฐ: แฮร์รีสย่องเงียบโผล่ Saturday Night Live
สหรัฐปรามอิหร่านอย่าคิดเอาคืนอิสราเอล
ผู้นำสูงสุดอิหร่านขู่จะตอบโต้ทั้งอิสราเอลและสหรัฐ
ญี่ปุ่นสั่งอพยพประชาชนเกือบ 2 แสนหลังฝนถล่ม
“อดีตสว.สมชาย” แนะรบ.นำเรื่องยกเลิก MOU 44 เข้าสภาฯ โดยเร็ว
"นายกฯ" ขอบคุณ "ประชาชน" เชื่อมั่น ทำคะแนนนิยมพุ่ง ยันทำงานหนักต่อไปแก้ปัญหาประเทศ
ลือสนั่น ป.ป.ช.จ่อแจ้งจับก๊วนหมอชั้น 14 “กูรู” ฟันเปรี้ยง! เข้าคุกระนาว
อึ้ง! “สส.ไอซ์” ยกพม่าขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หากจับส่งกลับ ไทยเดือดร้อนแน่
เอ็นดูไม่ไหว! "หนูน้อยวัย 3 ขวบ" โชว์สเต็ปฝีพาย กลายเป็นไวรัล ล่าสุด "ผบ.ทร." ได้ส่งชุดทหารเรือจิ๋วสุดเท่ให้เป็นของขวัญ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น