หมูเถื่อน ในมือตำรวจ ต้นแบบดำเนินคดี “ศาลพิพากษา” สำเร็จโทษคนผิด

กดติดตาม TOP NEWS

“หมูเถื่อน” ที่มีการสอบสวนโดยหน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินคดีตามคดีที่เกิดในราชอาณาจักรตามปกติจนคดีถึงที่สุด ขณะนี้ศาลได้พิพากษาตัดสินลงโทษจำคุกบริษัทผู้นำเข้าเรียบร้อยแล้ว 3 คดี นับเป็นความสำเร็จของพนักงานสอบสวนในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่แสดงให้เห็นถึงชั้นเชิงมุมมองในการสืบสวน สอบสวน จนนำไปสู่การดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้สั่งนำเข้า นายทุนผู้อยู่เบื้องหลังโดยถ้วนหน้า

สำหรับคดีที่มีคำพิพากษาตัดสินแล้ว ประกอบด้วย 1.บริษัท นาสาครห้องเย็น จำกัด 2.บริษัท เอ็มเคห้องเย็น จำกัด และ 3. คดีลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนผ่านด่านสะเดา จังหวัดสงขลา ทั้ง 3 คดี พนักงานสอบสวนได้สอบสวนโดยการแกะรอยจากตู้สินค้าที่ตรวจพบ เริ่มจากการเรียกผู้สั่งนำเข้ามาทำการสอบสวน และหาพยานหลักฐานตามคำรับสารภาพ เช่น เส้นทางการเงิน หลักฐานการติดต่อสื่อสาร มาสนับสนุนคำรับสารภาพ จนกระทั่งศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยจากพยานหลักฐานที่รวบรวมได้ ซึ่งเป็นการดำเนินคดีตามปกติภายในราชอาณาจักร ไม่จำต้องโยงเป็นคดีนอกราชอาณาจักรให้เสียเวลาในการสอบสวน และเป็นการสอบสวนไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ ไม่รีบร้อนส่งสำนวนคดีให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อดองคดีไว้โดยไม่มีเหตุอันสมควร

ขณะที่การดำเนินคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กลับรีบร้อนส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ซึ่งไม่แน่ใจว่าในที่สุด ป.ป.ช. จะรับคดีไว้พิจารณาหรือไม่ เมื่อถึงเวลานั้นพยานหลักฐานต่างๆ อาจจะลบเลือนสูญหาย หรือหากเป็นไฟล์หลักฐานทางเทคโนโลยีอาจเรียกมาตรวจสอบไม่ได้เนื่องจากหมดอายุเวลาการเก็บ

ขอตั้งข้อสังเกตวิธีการดำเนินคดีของทั้ง 2 หน่วยงาน ว่า เป็นคดีหมูเถื่อนที่สั่งนำเข้ามาเหมือนกัน แต่วิธีการดำเนินคดีแตกต่างกัน หน่วยงานหนึ่งสอบสวนดำเนินคดีไปตามปกติ มีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานสั่งฟ้องผู้ต้องหา จนศาลมีคำพิพากษาลงโทษผู้กระทำผิดเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร ขณะที่อีกหนึ่งหน่วยงานมีการสอบสวนเหมือนกัน แต่ยังไม่ทำให้เกิดความชัดเจน กลับเตะลูกส่งต่อคดีไปยัง ป.ป.ช. ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่า ป.ป.ช. จะมีมติว่าจะรับคดีไว้ไต่สวนหรือไม่ และไม่สามารถรู้ได้ว่าจะจับตัวนายทุนและผู้ร่วมกระบวนการมาลงโทษได้เมื่อไร

ส่วนคดีหมูเถื่อนที่มีการขนออกไปจากท่าเรือแหลมฉบังแล้วถึง 2,385 ใบขน DSI ได้ตั้งรูปคดีเป็นคดีเกิดนอกราชอาณาจักร รออัยการสูงสุดอนุมัติให้ทำการสอบสวนก่อน กว่าจะได้เริ่มสอบสวนก็ต้องรอไปถึงเดือนตุลาคมโน่น (ปีงบประมาณใหม่)  แล้วชาติไหนจะได้เริ่มสอบคดีหมูเถื่อนที่ขนออกไปแล้ว

ล่าสุด DSI ได้เปิดตู้สินค้าตกค้างล็อตที่ 2 ที่ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พบของกลางหมูเถื่อน 17 ตู้ น้ำหนัก 460 ตัน มีบริษัทนำเข้าที่เกี่ยวข้องทั้งรายใหม่และรายเก่าพัวพันกับการลักลอบนำเข้าในครั้งนี้ เป็นไปได้หรือไม่ที่ DSI จะเปลี่ยนมุมมองการดำเนินคดีโดยสอบสวนเป็นคดีที่เกิดในราชอาณาจักรตามปกติ เพื่อดำเนินคดีให้เป็นไปด้วยความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องรอขออนุมัติสอบสวนจากอัยการสูงสุด ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเสียหายที่เกิดกับประเทศชาติและเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูไทยให้เร็วขึ้น แทนที่จะทำเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จะต้องใช้เวลาการสอบสวนอีกไม่น้อยกว่า 1 ปี และยังไม่ทราบว่าผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นว่าจะออกมาในรูปใด

จากนี้ไป ก็ได้แต่หวังว่าวิธีที่จะดำเนินการสอบสวนของ DSI ต่อจากนี้ไปจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสอบสวนดำเนินคดีหมูเถื่อนให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ดังเช่นคดีที่หน่วยงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการและฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลแล้ว./

สมสมัย หาญเมืองบน
นักวิชาการอิสระ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

-

ข่าวล่าสุด

แท็กที่เกี่ยวข้อง

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น