“พล.ต.อ.เอก” แจ้งจับมือตัดต่อคลิป ปล่อยเฟคนิวส์ “บิ๊กโจ๊ก” คัมแบ็ค ทำสังคมเข้าใจผิด

“พล.ต.อ.เอก” ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ แจ้งความเอาผิดมือมืดตัดต่อคลิปปล่อยเฟคนิวส์ “บิ๊กโจ๊ก” คัมแบ็คสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้ทำประชาชนเข้าใจผิด ทำให้เสียหาย ชี้แจงขั้นตอนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ

Top news รายงาน เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2567 พลตำรวจเอก เอก อังสนานนท์ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “วันที่ 14 มิถุนายน 2567 ผมทราบว่ามีการจัดทำคลิปเผยแพร่ โดยพาดข้อความด้านหน้าคลิปที่มีภาพผมกับเสียงการสัมภาษณ์ของผมที่มีการตัดต่อมา เป็นเหตุให้ประชาชนที่ได้ดูคลิปดังกล่าวเข้าใจผิด ทำให้ผมได้รับความเสียหาย จึงได้ไปแจ้งความให้พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีต่อไป”

 

พลตำรวจเอก เอก อังสนานนท์ ระบุอีกว่า “เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวจากสถานีวิทยุโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และสื่อมวลชนต่างๆ ที่ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มาสัมภาษณ์ผมที่ห้องรับรอง คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวกับกรณีสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีหนังสือตอบข้อหารือสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เรื่องการดำเนินการเกี่ยวกับการให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน ดังนี้

  • 1.นายกรัฐมนตรีจะต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้ข้าราชการตำรวจตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรายดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันออกจากราชการไว้ก่อน
  • 2.กรอบระยะเวลาเป็นดุลยพินิจของนายกรัฐมนตรีที่จะต้องพิจารณาดำเนินการด้วยความรอบคอบภายในระยะเวลาอันเหมาะสมตามควรแก่กรณีต่อไป
  • 3.และมีข้อสังเกตว่า “การสั่งให้ข้าราชการตำรวจรายนี้ออกจากราชการไว้ก่อน หากเป็นการปฏิบัติตามคำแนะนำของคณะกรรมการสอบสวนที่ตั้งขึ้นย่อมจะทำให้การพิจารณาเหตุแห่งการกระทบสิทธิของผู้นั้นและความจำเป็นที่ต้องสั่งให้ผู้นั้นออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกระบวนการตามกฎหมายและเป็นธรรมแก่ผู้ถูกสอบสวน และการนำความกราบบังคมทูลตามมาตรา 140 วรรคหนึ่ง ย่อมเป็นไปด้วยความชอบธรรม”

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ผมได้สัมภาษณ์และตอบคำถามสื่อมวลชน ประเด็นสำคัญๆ ดังนี้:

1.สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีหารือสำนักกฤษฎีกาไป 2 ข้อ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตอบมาข้างต้น (ต้องกราบบังคมทูลฯ และภายในระยะเวลาที่สมควร)

2.สำหรับข้อสังเกตที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีแจ้งมาด้วยดังกล่าวนั้น เคยมีคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คบ.17/2559

ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาประกอบด้วย 2 ส่วน
(1) การให้ความเห็นทางกฎหมายตามที่หน่วยงานของรัฐขอหารือ
(2) ข้อสังเกตเพิ่มเติมที่เสนอแก่หน่วยงานของรัฐ

ซึ่งตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2482 ระบุว่า เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นในทางกฎหมายเป็นประการใดแล้วโดยปกติให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกานั้น เห็นได้ว่าการที่หน่วยงานของรัฐต้องดำเนินการให้เป็นไปตามเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นเฉพาะกรณีเกี่ยวกับความเห็นทางกฎหมายเท่านั้น ส่วนข้อสังเกตอื่นๆ ของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่มีมายังหน่วยงานของรัฐมิได้มีผลให้หน่วยงานต้องปฏิบัติ การดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกาย่อมเป็นไปตามดุลยพินิจและนโยบายของแต่ละหน่วยงาน

เรื่องนี้ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ได้อุทธรณ์คำสั่งไปยังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) แล้ว การพิจารณาของ ก.พ.ค.ตร. หาก ก.พ.ค.ตร.วินิจฉัยว่า คำสั่งให้ออกจากราชการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องสั่งให้ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ กลับเข้ารับราชการ ส่วนจะมีการดำเนินการกับผู้ออกคำสั่งอย่างไรเป็นอีกกรณีหนึ่ง แต่หาก ก.พ.ค.ตร.วินิจฉัยยกอุทธรณ์ พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ก็สามารถฟ้องศาลปกครองสูงสุดต่อไปได้

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น