สหรัฐฯเล็ง ไฟเขียวยูเครน ใช้อาวุธโจมตีไกลในรัสเซีย
สัญญาณแรง สหรัฐฯเตรียมไฟเขียวยูเครนใช้อาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซีย หลังเชื่อว่า อิหร่านเติมขีปนาวุธให้รัสเซียเรียบร้อยแล้ว และอาจจะนำมาใช้ในอีกไม่นาน แต่สื่อสหรัฐฯเผยวงในรัฐบาลยังเสียงแตก
ความพยายามของยูเครน ที่ต้องการให้สหรัฐอเมริกาและพันธมิตร ยอมให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ได้รับบริจาคมา โจมตีลึกเข้าไปในรัสเซียได้ ดูเหมือนใกล้จะเป็นจริง หากฟังจากการเปิดเผยของ ไมเคิล แมคคอล ส.ส.รีพับลิกัน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่บอกกับ อาซีโอส เวบไซต์ข่าวออนไลน์สหรัฐฯว่า สหรัฐฯมีแผนจะยกเลิกเงื่อนไขการใช้ระบบขีปนาวุธยุทธวิธีของกองทัพบก หรือ ATACMS ที่ห้ามใช้โจมตีเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่ยึดมาตั้งแต่ต้น เพื่อใช้เป็นข้ออ้างว่าไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามนี้โดยตรง แม้ติดเขี้ยวเล็บยูเครนแล้วกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ตามรายงานของสำนักข่าว RT ของรัสเซีย
ส.ส.แมคคอล เปิดเผยว่า สองวันก่อน ได้พูดคุยกับ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ทราบว่า บลิงเคนเตรียมประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าว ระหว่างเยือนกรุงเคียฟ พร้อมกับเดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ในสัปดาห์นี้
แมตต์ มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ฯ กล่าวว่า บลิงเคน จะเยือนกรุงเคียฟในวันพุธนี้ (11 กันยายน) เพื่อแสดงความสนับสนุนการป้องกันประเทศของยูเครน
มิลเลอร์ไม่ได้พูดเรื่องการปรับนโยบายเรื่องการใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซีย แต่ถ้อยแถลงของ บลิงเคน ระหว่างแถลงข่าวกับรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ในกรุงลอนดอน ก็มีสัญญาณไปในทางนั้น โดยเขาบอกว่า เรากำลังพิจารณาและรับฟังคำร้องขอของยูเครน และว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กับ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ จะหารือประเด็นนี้ในวันศุกร์ที่ 13 กันยายน ในกรุงวอชิงตัน พร้อมกับอ้างว่าอิหร่านได้ส่งมอบขีปาวุธ ฟาธ-360 ให้รัสเซียแล้วในจำนวนที่ไม่ทราบแน่ชัด ทั้งที่ตะวันตกพยายามห้ามปรามมานานหลายเดือน และเชื่อว่ารัสเซียจะนำมาใช้เล่นงานยูเครนในอีกไม่กี่สัปดาห์
ด้าน ประธานาธิบดีไบเดน ตอบสั้น ๆ ขณะออกจากทำเนียบขาวเมื่อวาน (10 กันยายน)ว่า “เรากำลังหารืออยู่ในเวลานี้” เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามว่า จะยกเลิกข้อจำกัดใช้อาวุธพิสัยไกลของยูเครนหรือไม่
วาสสิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าวหาตะวันตกว่า เข้ามายุ่งเกี่ยวกับสงครามยูเครน-รัสเซีย แบบสุดลิ่มติ่มประตู และจะนำเรื่องการส่งอาวุธให้ยูเครน ขึ้นมาหารือในคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ วันศุกร์นี้
อย่างไรก็ดี CNN รายงานว่า ภายในรัฐบาลไบเดน ยังถกเถียงเรื่องนี้กันอยู่ และผลลัพธ์อาจออกได้ทั้งสองทาง ฝ่ายข่าวกรองสหรัฐฯประเมินว่า กว่า 90% ของฐานเครื่องบินรบรัสเซียที่ใช้ปล่อยระเบิดร่อน หรือ ไกลด์ บอมบ์(glide bomb) และยิงขีปนาวุธโจมตียูเครนนั้น อยู่ห่างจากดินแดนที่ยูเครนควบคุมอยู่อย่างน้อย 300 กิโลเมตร เกินระยะทำการของ ATACMS อีกทั้งคาดว่า อาจจะเพิ่มขึ้นจาก 90% ด้วยซ้ำ เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ รัสเซียได้ย้ายภารกิจระเบิดร่อนจากสนามบินสองแห่ง ไกลออกไปยังสนามบินที่อยู่นอกพิสัยของ ATACMS
นอกจากนี้ สหรัฐฯเองก็มีสต็อก ATACMS อย่างจำกัด ไม่พร้อมจัดส่งให้ยูเครนโดยไม่กระทบกับความพร้อมของกองทัพสหรัฐฯ
ขณะที่ สถาบันศึกษาสงคราม ที่เกาะติดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประเมินว่า หากตัดสนามบินเหล่านี้ออกไป ยังมีเป้าหมายทางทหารที่ชอบธรรมอีกกว่า 200 แห่งที่อยู่ในระยะทำการของอาวุธที่สหรัฐฯจัดหาให้ เช่น ฐานทัพ ฐานส่งกำลังบำรุง คลังน้ำมัน คลังกระสุน และระบบควบคุม-บัญชาการ
เมื่อเดือนที่แล้ว รัสเตม ยูเมรอฟ รัฐมนตรีกลาโหมยูเครน และ อันเดร เยอร์มัค หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี้ เดินทางเยือนสหรัฐฯ โดยมีรายงานว่าทั้งสองไปพร้อมกับลิสต์เป้าหมายในรัสเซีย ที่ยูเครนต้องการให้สหรัฐฯไฟเขียวโจมตี เจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้ทบทวนแล้วแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจในขั้นสุดท้าย
#บก.ข่าวทีวี
