ยูเครน สูญเสียรถถังเอบรามส์ นับ 20 คัน ในเวลาเพียง 6 เดือน
สื่อทหารเผย ยูเครนน่าจะสูญเสียรถถังเอบรามส์ที่สหรัฐมอบให้ไปแล้วถึง 20 คัน เพียงแค่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ผู้นำสหรัฐ-อังกฤษ สรุปหลังประชุมว่า ยังไม่พร้อมที่จะยกเลิกข้อจำกัดให้ยูเครน ทำการโจมตีเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
นิตยสาร Military Watch ของสหรัฐ ได้ออกบทความระบุว่า อัตราที่กองกำลังยูเครนสูญเสียรถถังเอบรามส์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นการทำลายรถถังเอบรามส์จำนวน 3 คัน และการยึดรถถังอีก 1 คันในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ รถถังเอบรามส์มากกว่า 20 คัน จากทั้งหมด 31 คันที่ส่งมอบให้กับยูเครน เชื่อว่ามีทั้งถูกทำลาย, ใช้งานไม่ได้, หรือถูกยึดไปแล้ว
บทความระบุต่อว่า รถถังเอบรามส์ถูกพบว่านำออกมาใช้ครั้งแรก ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ กองทัพยูเครนเริ่มใช้รถถังเอบรามส์มากขึ้นตามจุดประสงค์ที่ตั้งใจไว้ ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการสูญเสียเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่นานหลังจากที่เริ่มนำออกมาใช้ รถถังก็เริ่มได้รับความเสียหายอย่างหนัก ก่อนที่จะถูกถอนออกจากแนวหน้าในเดือนเมษายน ทั้งนี้ การที่รถถังเอบรามส์มาถูกใช้ในสมรภูมิรบที่แนวหน้านั้น อาจเป็นการบ่งชี้ได้อีกอย่างว่า กองทัพยูเครนได้ใช้ยุทโธปกรณ์อื่นๆ ไปจนหมดแล้ว
นอกจากนี้ บทความยังระบุด้วยว่า ทหารยูเครนได้ร้องเรียนต่อสื่อตะวันตก เกี่ยวกับประสิทธิภาพของรถถังเอบรามส์ เช่นปัญหาทางเทคนิคของชิ้นส่วนอีเลกทรอนิกส์ รวมถึงยังมีการร้องเรียนอีกว่า รถถังเอบรามส์มีขนาดใหญ่เกินไป ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของกองทัพรัสเซียได้ง่าย ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ยานเกราะตะวันตกที่ยึดมาได้หลายรุ่น รวมถึงรถถังเอบรามส์ ได้ถูกนำไปจัดแสดงที่งาน Army-2024 Expo ที่จัดขึ้นแถวชานเมืองของกรุงมอสโก ของรัสเซียด้วย
ขณะเดียวกัน ทางด้านของแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษ เกี่ยวกับประเด็นการอนุญาตให้ยูเครน โจมตีรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลของนาโต ซึ่งก็ได้ข้อสรุปว่า ยังไม่พร้อมที่จะยกเลิกข้อจำกัดให้ยูเครน ทำการโจมตีเข้าไปในดินแดนรัสเซีย อย่างไรก็ดี ทางสื่อของสหรัฐได้มีการอ้างว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังรอให้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน เดินทางมาถึงสหรัฐ เพื่อหารือเรื่องนี้ด้วยกันอีกครั้ง
#บก.ข่าวทีวี
